ITD เปิดแผนสางหนี้ สถานะล่าสุดโปรเจ็กต์ทวาย ไฮสปีด เหมืองโพแทช ยันไม่สูญเปล่า
เมื่อวันที่ 17 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด(มหาชน) หรือ ITD ได้รายงานผลการประชุม Public Presentation เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยมีความคืบหน้าหลายโครงการ เช่น โครงการทวายระยะสมบูรณ์ (DSEZ Full Phase) สิทธิในการได้รับเงินซดเชยเงินลงทุนในการพัฒนา DSEZ Full Phase ที่บริษัทฯ ได้ลงทุนไปก่อนหน้า ยังคงได้รับการคุ้มครองภายใต้สัญญา Tripartite Memorandum ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลไทย รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและบริษัทฯ โดยบริษัทฯจะได้รับเงินคืนจากผู้ลงทุนรายใหม่ในแต่ละส่วนของโครงการ
ส่วนโครงการทวายระยะเริ่มแรก (DSEZ Initial Phase) แม้ว่าคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (DSEZ MC) จะมีหนังสือแจ้งยกเลิกสิทธิสัมปทานในโครงการ DSEZ Initial Phase แก่กลุ่มบริษัทผู้รับสัมปทาน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ได้โต้แย้งและคัดค้านการยกเลิกสัญญาดังกล่าว DSEZ MC จึงขอเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันฉันมิตร โดย DSEZ MC ขอเป็นผู้ร่าง Settement Proposal เพื่อให้กลุ่มบริษัทฯพิจารณา ซึ่งปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างรอร่างดังกล่าวจากทาง DSEZ MC
กลุ่มบริษัทฯ ได้รายงานสถานะโครงการทวายแก่หน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ โดยวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการร่วมของคณะกรรมการร่วมระดับสูง (Joint High-Level Committee: JHC) และคณะกรรมการประสานงานร่วม (Joint Coordinating Committee: JCC)ระหว่างไทย-เมียนมา และในวันที่ 30 มกราคม 2567 ได้ยื่นหนังสือถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พร้อมทั้งพบปะเพื่อรายงานสถานะและความคืบหน้า รวมถึงเน้นย้ำความสำคัญของโครงการทวายว่าเป็นโครงการลงทุนของนักลงทุนไทยในต่างประเทศที่ได้รับความคุ้มครองการลงทุน (Protection of Investment) ตามกรอบความตกลงระหว่างประเทศและภูมิภาค และเป็นการตอบสนองต่อนโยบาย Proactive Economic Diplomacy ของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในเชิง Geo-Economic และ Politic ของภูมิภาคอีกด้วย
ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ทางผู้ว่าจ้างอยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน และรอหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to proceed) จากภาครัฐ จึงขอขยายเวลาการชำระค่าก่อสร้างค้างชำระแก่บริษัทฯ และยินยอมชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายค่างานก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ในภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานนั้น บริษัทฯ ยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสที่จะได้รับงานโครงการก่อสร้างขั้นพื้นฐานต่งๆ ที่ทางภาครัฐและเอกชนอยู่ระหว่างการประกาศจัดซื้อจัดจ้างเป็นจำนวนมาก ได้แก่ งานสร้างถนน ทางด่วน รถฟรางคู่ รถฟความเร็วสูง การขยายสนามบิน ทั้งในปริมณฑลกรุงเทพและต่างจังหวัดหลัก อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ เป็นต้น เนื่องจากบริษัทฯ มีประสบกรณ์และผลงานในอดีตที่สามารถแข่งขันได้ทุกประเภท
อย่างไรก็ตามในช่วงถาม-ตอบของการประชุม Public Presentaion มีคำถามและประเด็นสำคัญที่ผู้เข้าร่วมประชุมสนใจ ดังนี้
1. บริษัทฯ มีการดำเนินการเกี่ยวกับหนี้ระยะสั้นอย่างไร และมีการพูดคุยเพื่อยืดระยะเวลาการชำระหรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดครบทั้งจำนวนแล้วหรือไม่ และหากยังไม่ครบมีแผนอย่างไร
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ ยังไม่ได้รับอนุมัติจากเจ้าหนี้หุ้นกู้และเจ้าหนี้อนาคารในเรื่องการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ผู้สอบบัญชีจึงทำการบันทึกหนี้สินระยะยาวบางส่วนเป็นหนี้สินระยะสั้น ต่อมาบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติ จากผู้ถือหุ้นกู้ในการผ่อนผันการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน และธนาคารหลักก็ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว ขาดอยู่เพียง
2 สาเหตุของปัญหาในครั้งนี้ สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการของธนาคารในการอนุมัติ โดยจากการเจรจา
คาดว่าไม่นำจะมีปัญหาและจำนวนเงินนั้นก็เป็นส่วนน้อย จึงคาดว่าหนี้สินระยะสั้นจะมีการเปลี่ยนเป็นหนี้สินระยะยาวในไตรมาสที่หนึ่ง มีหลายประเด็นที่กระทบกับการดำเนินงานของบริษัท เช่น เรื่องของเงินลงทุนในระยะยาวซึ่งยังไม่ได้ก่อให้เกิดผลกลับมา เช่น โครงการที่ทวาย และโครงการเหมืองแโพแทช ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อที่จะให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รวมถึงภาวะสงครามก็ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและทำให้บริษัทได้รับผลกระทบเช่นกัน
3. ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องสภาพคล่องของบริษัทฯ เป็นอย่างไร
บริษัทฯ ได้เจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้เกี่ยวกับสองเรื่องคือ เรื่องหุ้นกู้ที่ได้รับความกรุณาจากทางผู้ถือหุ้นกู้ให้ขยาย
ระยะเวลาการชำระคืนไป 2 ปี ทำให้สภาพคล่องในส่วนนี้ดีขึ้น และเรื่องเงินทุนหมุนเวียนที่บริษัทฯ กำลังเจรจากับทางกลุ่มธนาคารเพื่อที่จะขอวงเงินสินเชื่อเพื่อมาหมุนเวียนในการดำเนินโครงการต่อไป ซึ่งก็มีความคืบหน้าที่ดี และคาดว่าน่าจะได้บทสรุปในไม่ช้านี้
4. ความคืบหน้าของโครงการในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในปัจจุบัน
สภาพของหนี้สินยังไม่เป็นสูญ ภายใต้เงื่อนไขของการได้รับเงินชดเชย ซึ่งบริษัทฯ สามารถทำได้และมีกลไกในการปกป้องผลประโยชน์ในการลงทุนอยู่ และในขณะนี้มีนักลงทุนทั้งที่เป็นบริษัทในไทยและบริษัทจากประเทศจีนให้ความสนใจอย่างเป็นรูปธรรม โดยกลุ่มนักลงทุนมองว่ายังมีโอกาสที่ดีในการลงทุนในเมียนมาร์อยู่ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตของเมียนมาร์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีแนวโน้มที่จะได้รับเงินชดเชยมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่อง proactive economic diplomacy ที่เล็งเห็นว่าโครงการนี้มีความสำคัญมาก และขอยืนยันว่าโครงการนี้ยังเป็นรูปธรมสำหรับการลงทุนอยู่
5. จากการที่ค่า DI/E ของบริษัทสูงมาก บริษัทฯ มีแผนปิดการชำระหนี้อย่างไรบ้าง
บริษัทฯ มีแผนหลายประการ เช่น การที่บริษัทฯ จะได้รับงานเพิ่มมากขึ้น และเรื่องของการลดต้นทุนโครงการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น รวมถึงการขายทรัพยสินที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินงานเพื่อนำมาลดภาระหนี้ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในสัมปทานต่างๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี ทั้งโครงการเหมืองแร่โพแทชที่ได้รับใบอนุญาตมาแล้ว และคาดว่าจะสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
6. ปัญหาสภาพคล่องในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อการประมูลงานภาครัฐในอนาคตหรือไม่ อย่างไร
ปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ และยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินในการออกหนังสือหนังสือค้ำประกันการประมูลงาน ไม่ว่าจะเป็นงานภาครัฐงานภาคเอกชนบริษัทฯ ก็ยังสามารถที่จะออกหนังสือค้ำประกันต่างๆ ได้และเข้าประมูลงานได้ตามปกติ
7. สาเหตุที่รายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เกิดจากการลดลงของโครงการภาครัฐที่ออกมาให้ประมูล ซึ่งคาดว่าเมื่องบประมาณของปี 2567 – 2568 เสร็จสิ้นก็จะทำให้มีการประมูลงานของภาครัฐเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้บริษัทฯ มีงานเพิ่มมากขึ้นกว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา
8. บริษัทฯ มีแนวทางในการหารายได้จากโครงการเหมืองโพแทชอย่างไร มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการขายหรือไม่ และจะมีรายได้เข้ามาเมื่อใด
ในขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ โดยมีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว และกำลังเจรจากับผู้ลงทุนที่สนใจอยู่ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
9. การที่งบประมาณปี 2567 ของภาครัฐจะสามารถทำการเบิกจ่ายได้ในเวลาอันใกล้นี้ จะมีส่วนช่วยเรื่องสภาพคล่องของบริษัทฯ ได้มากน้อยเพียงใด
ในกรณีนี้จะมีส่วนช่วยมาก โดยบริษัทฯ คาดหวังให้การดำเนินการในเรื่องนี้เสร็จสิ้นได้ระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยโครงการประมูลใหม่ๆ และการเบิกจ่ายของภาครัฐจะทำให้สภาพคล่องของบริษัทฯ มีการปรับตัวดีขึ้น
10. รายละเอียดของผู้ลงทุนใหม่ในโครงการทวายที่จะให้บริษัทฯ ได้รับเงินคืนจากการลงทุน
จากการเจรจาเบื้องต้น มีผู้ลงทุนที่สนใจ ได้แก่ บริษัท กรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความสามารถและประสบการณ์ในการดำเนินโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ รวมถึงมีผู้ลงทุนจากประเทศจีน ที่มองเห็นโอกาสในการลงทุนโครงการนี้ จะเข้ามาร่วมค้กับกลุ่มบริษัทไทยอีกด้วย
11. รายละเอียดของมูลค่าวงเงินที่กำลังเจรจากับธนาคารและกำหนดของการได้รับเงินในขณะนี้
ทางบริษัทฯ ไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าได้ แต่สามารถยืนยันได้ว่าวงเงินที่จะได้รับนั้นเพียงพอให้บริษัทฯนำไปใช้ดำเนินโครงการในมือของบริษัทฯ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเจรจากับกลุ่มธนาคารมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2566 และได้มีการศึกษารายละเอียดของแต่ละโครงการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาวงเงินที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการดำเนินงานโครงการที่บริษัทมีมากกว่า 100 โครงการให้สำเร็จไปได้ด้วยดี
นอกจากนี้ทางธนาคารยังสามารถให้วงเงินสำหรับการประมูลงานใหม่ เพื่อให้บริษัทมีโครงการเพิ่มเติม และทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งเมื่อประกอบกับการลดต้นทุนของบริษัทแล้ว จะทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
12. รายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นการค้างจ่ายเงินซัพพลายเออร์
ประเด็นนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางกลุ่มธนาคารเข้ามาร่วมพิจารณากับทางบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการจัดการเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทฯ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้น กลุ่มธนาคาร และกลุ่มซัพพลายเออร์ จึงได้มีการเจรจากับกลุ่มธนาคารเพื่อขอเงินสนับสนุนในการชำระหนี้กลุ่มเจ้าหนี้ต่างๆ เพราะโครงการของบริษัทจำเป็นต้องอาศัยกลุ่มซัพพลายเออร์ในการดำเนินงานให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี
