ดีเซลขยับ 50 สต.วันนี้ เหตุหมดโปรลดภาษี ‘สิบล้อ’ฮึ่มขึ้นค่าขนส่ง 3%
เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทของกระทรวงการคลัง และเพื่อเป็นการลดภาระให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรไปพลางก่อน มีผลวันที่ 20 เมษายน และอาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาเป็นแบบขั้นบันได เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบไปแล้วกว่า 103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท ปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4.77 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตร และหากปล่อยให้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในระดับเดิมต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้กองทุนติดหนี้เพิ่มมากขึ้นอาจจะกระทบกับวินัยการเงินและระดับความน่าเชื่อถือของกองทุนได้
“ภายหลังจากหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาท จะปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร ในอนาคตอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันแบบขั้นบันได เนื่องจากสถานะกองทุนฯมีหนี้คงค้างค่อนข้างสูง อีกทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเริ่มประทุขึ้นอีกครั้ง อาจส่งผลทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในราคาเหมาะสม คำนึงถึงภาระของประชาชนเป็นหลัก แต่ต้องพิจารณาถึงภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย และเตรียมหามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ คาดว่าจะชัดเจนสัปดาห์หน้าไ นายวีรพัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 20 เมษายน จะปรับเพิ่มเป็น 30.94 บาทต่อลิตร
ด้าน นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากราคาน้ำมันดีเซลขึ้นอีกรอบ 50 สตางค์ต่อลิตร จนครบ 1 บาทต่อลิตร เป็น 30.94 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 20 เมษายนนี้ ส่งผลให้ต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้น 3% ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ว่าจ้างแล้วว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นต้องปรับขึ้นค่าขนส่ง 3% เช่นกัน แต่ผู้จ้างขอให้คงราคาค่าขนส่งไปก่อนเพราะจะมีปัญหาเรื่องตลาดหากขึ้นราคาจะสู้รายอื่นไม่ได้
“ผลกระทบจากขึ้นดีเซล 1 บาทต่อลิตร มันโยงกันหมดเป็นลูกโซ่ เป็นทอดๆ ทุกวันนี้การทำธุรกิจต้องแข่งขัน ผู้ประกอบการหลักๆ ที่ยังอยู่ได้เพราะพื้นฐานเก่าดีอยู่ แต่ถ้าพื้นฐานไม่ดีจริงก็เลิกไปเยอะ ปัจจุบันนี้มีการเลิกกิจการไปไม่ต่ำกว่า 30%” นายศุภศักดิ์กล่าว
