จับตา”ทรัมป์”ขึ้นภาษีรายสินค้า กระทบแน่!!ส่งออกไทยระยะยาว เร่งสรุปเจรจาเอฟทีเอชดเชย

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงายนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามและศึกษาแนวทางการบริหารเศรษฐกิจของสหรัฐฯหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา พบว่า มีหลายนโยบายอาจกระทบทางอ้อมกับไทย ได้แก่ นโยบายกีดกันทางการค้าโดยสหรัฐฯขึ้นภาษีรายสินค้าและใช้กับทุกประเทศ จะส่งผลต่อการสินค้าไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องจักรสำหรับการพิมพ์ กล้องถ่ายโทรทัศน์ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางรถยนต์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ผลไม้กระป๋อง และกุ้งสดแช่แข็ง

อีกนโยบายคือนโยบายการคลังแบบขยายตัว เพิ่มการขาดดุลการคลัง เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มการจ้างงานในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ย และเสี่ยงต่อค่าเงินและตลาดทุนผันผวน รวมทั้งนโยบายสหรัฐฯเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน จะดึงราคาน้ำมันโลกลดลงอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จะจะกระทบส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันของไทย ซึ่งผู้ส่งออกไทยควรมีการประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนการทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี)แก่ไทย และการทบทวนสถานะประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (พีดับบลิวแอล) ด้านละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เชื่อว่าจะยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคยใช้เป็นปกติ ซึ่งในเดือนเมษายนนี้ ไทยจะใช้เวทีการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (ทิฟฟา) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ กระชับความร่วมมือการค้าและการลงทุน พร้อมๆกับเร่งเจรจาเอฟทีเอกับนานาประเทศให้บรรลุตามเป้าหมาย

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์ส่งออกไทยปี 2560 ขยายตัว 2.5-3.5% ในส่วนนี้เป็นการส่งออกไปสหรัฐฯ 11.4% หรือมูลค่า 2.44 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผลกระทบนโยบายของสหรัฐฯไตรมาส1/2560 ต่อการค้าของไทย จะไม่ได้รับผลกระทบทางตรงมากนัก เพราะไทยไม่ได้เป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสูง โดยไทยได้ดุลการค้ามาตลอดเฉลี่ยปีละ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และโอกาสส่งออกจะมากขึ้น หากสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและเม็กซิโก รวมทั้งถอนตัวจากความตกลงหุ้นเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ส่วนการกีดกันแรงงานและผู้อพยพจากต่างประเทศเข้าสหรัฐฯอาจกระทบต่อแรงงานไทยแต่น่าจะใช้โอกาสนี้ยกระดับมาตรฐานแรงงาน และเป็นโอกาสให้นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศมุสลิม เดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image