เนสท์เล่ จัดพอร์ตอาหาร เครื่องดื่ม รับเทรนด์ ‘กินอยู่อย่างสมดุล’ ราคาเข้าถึงได้

เนสท์เล่ จัดพอร์ตอาหาร เครื่องดื่ม รับเทรนด์ ‘กินอยู่อย่างสมดุล’ ราคาเข้าถึงได้

วันที่ 23 เมษายน นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทยังคงขับเคลื่อนการเติบโตทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่อมดื่ม โดยเน้น 2 กลยุทธ์หลัก คือ ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น เสริมแร่ธาตุ วิตามิน ลดน้ำตาลโซเดียม และส่งเสริมการรับประทานอย่างสมดุล ให้สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคให้ความสำคัญการกินอยู่อย่างสมดุล ซึ่งจากผลสำรวจผู้บริโภคทั่วโลกในปี 2022 พบว่า 91% ของผู้บริโภคชาวไทยต้องการรับประทานอาหารที่ดี แต่กลับพบว่ามีเพียง 42% ที่ใช้ชีวิตด้วยการกินอยู่อย่างสมดุล ซึ่ง 1 ใน 3 ปัจจัยหลักทำให้ไม่สามารถกินอยู่อย่างสมดุลได้ คือ ราคา มองว่าอาหารเพื่อสุขภาพมีราคาสูง

นายวิคเตอร์กล่าวว่า เนสท์เล่จึงได้จัดพอร์ตสินค้าเป็น 3 กลุ่มหลักให้ชัดเจน ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงได้ เช่น ในราคา 5 บาท 10 บาท ซึ่งกลุ่มสินค้าราคานี้คิดเป็น 40% ของสินค้าทั้งหมด และปัจจุบันเนสเล่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 100 รายการที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ สูงสุดตลาดอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดในไทย

Advertisement

นายวิคเตอร์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ลงทุน 8,000 ล้านบาท ในการขยายสายการผลิตโรงงานยูเอชทีที่นวนคร เพื่อรองรับการทำการตลาดเครื่องดื่มยูเอซที เช่น ไมโล ตราหมีเอส26 คาร์เนชั่น วงเงิน 2,000 ล้านบาท และขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารแมวเกรดซูเปอร์พรีเมียมชนิดเปียกและชนิดแห้งที่โรงงานเนสท์เล่เพียวริน่า เพ็ทแคร์ จังหวัดระยอง 6,000 ล้านบาท เพื่อทำตลาดในประเทศและส่งออก โดยทั้ง 2 แห่ง ได้เริ่มตั้งแต่ปี 2564 จะแล้วเสร็จในปี 2568

“ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2567 โดยภาพรวมเนสท์เล่ยังมีส่วนแบ่งการตลาดที่ดี และเชื่อว่าตลาดในปีนี้ ยังเติบโตต่อเนื่องตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เชื่อว่าจะดีขึ้น เพราะอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงยังมีปัจจัยหนุนที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จากท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวสูงขึ้น การส่งออกที่ขยายตัวและเงินอุดหนุนของรัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อย ล่าสุดอากาศที่ปีนี้ร้อนจัดทำให้กลุ่มสินค้าน้ำดื่ม ไอศครีม กาแฟชงมียอดขายเพิ่มขึ้น ”นายวิคเตอร์กล่าว

Advertisement

นายวิคเตอร์กล่าวว่า ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศนั้น ไม่กระทบบริษัท เนื่องจากมีการจ่ายค่าแรงให้พนักงานมี 3,000 คน สูงกว่าค่าแรงอยู่แล้ว แต่มองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเนื่องจากทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลที่ขยับขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งและการผลิตอย่างแน่นอน แต่ต้องหาวิธีในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ

“โดยหลักการของบริษัทไม่ต้องการให้ผู้บริโภคแบกรับภาระ ซึ่งการขึ้นราคาสินค้าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะพิจารณา ทั้งนี้ราคาพลังงานและต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นเป็นทั่วโลกและเป็นความท้าทายในการทำธุรกิจในปีนี้ ต้องเร่งปรับตัว ทำความเข้าใจกับผู้บริโภค และนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ “นายวิคเตอร์กล่าว

นายวิคเตอร์กล่าวว่า ขณะเดียวกันเนสท์เล่ยังมุ่งมั่นดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ผ่านกลยุทธ์“ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา” หรือ Good for the Planet ซึ่งได้ดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืนตลอดหลายปีที่ผ่านมาและมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก อาทิ 96% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ประเทศไทย ได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ การจัดหาเมล็ดกาแฟและน้ำนมดิบอย่างยั่งยืน 100% รวมถึงให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟและเลี้ยงโคนม ยังมีโครงการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ที่อยุธยาสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ 100% และมีการลดการปล่อยคาร์บอนตามแผนงานที่ตั้งไว้เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image