ศุลกากร เอ็มโอยู 7สมาคมเหล็กไทย เพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วจัดเก็บภาษี

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกลุ่ม 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น สมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า สมาคมการค้าผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี สมาคมเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย สมาคมโลหะไทย และสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูลข่าวสาร สนับสนุนและร่วมมือกันในการพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าประเภทเหล็กและเหล็กกล้า เพื่อประสานความร่วมมือ ส่งเสริมและผลักดันให้การจัดเก็บภาษีกรมศุลกากร มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำและอุตสาหกรรมเหล็กกลางน้ำในต่างประเทศ ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าภายในประเทศ ตลอดจนผู้บริโภคทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน เนื่องจากสินค้าเหล็กเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ สำหรับการผลิตเครื่องจักร ยานพาหนะ โครงสร้างอาคารบ้านเรือน ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งปี 2559 ไทยนำเข้าสินค้าประเภทเหล็กและเหล็กกล้า สูงถึง 575,830 ล้านบาท จึงได้กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ.2550 ในการให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) ตามประกาศของคณะกรรมการพิจารณามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และอากรปกป้อง (Safeguard) ตามประกาศของคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นหน้าที่ของกรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการนำเข้า-ส่งออก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image