ผู้เขียน | วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม |
---|
เศรษฐกิจไทยอยู่ระหว่างการฟื้นตัวมาตั้งแต่ปี 2566 แต่จนผ่านพ้นไตรมาส 1/2567 ไปแล้ว ก็ยังพบว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบแผ่วเท่านั้น และเป็นการฟื้นตัวในบางเซกเตอร์ ไม่ใช่ภาพรวมด้วย ทำให้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นกลุ่มประชาชนระดับกลางลงล่าง หรือกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อยต่างๆ
รัฐบาลจึงเร่งแก้เกมด้วยการหามาตรการที่ช่วยเพิ่มเม็ดเงินในกระเป๋าประชาชน ในช่วงที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่อย่างการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่สามารถออกมาได้ ด้วยเพิ่มรายได้ให้ประชาชนผ่านการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน ค่าแรงปรับแล้ว 3 ครั้ง จึงมีเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการแบบหนาหู ถึงการทยอยปรับขึ้นค่าแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่รายได้ของธุรกิจยังไม่กลับมาตามภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่
ภาคธุรกิจที่โดนผลกระทบหลักๆ คือ ภาคการผลิต เพราะใช้แรงงานคนเข้มข้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากใช้แรงงานคนในกลุ่มพนักงานบริการต่างๆ ไม่สามารถนำเครื่องจักรมาปรับใช้กับธุรกิจได้ เพราะเป็นภาคส่วนที่ต้องการการบริการระหว่างคนและคน
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเกี่ยวเนื่องกับหลายธุรกิจ โดยธุรกิจที่ถูกกระทบหลักจากการขึ้นค่าแรง คือ ธุรกิจโรงแรม เพราะต้องจ้างพนักงานจำนวนมาก และค่าแรงก็เป็นต้นทุนหลักของธุรกิจด้วย รวมถึงการปรับขึ้นหลายรอบต่อปีแบบนี้ ส่งผลให้ไม่สามารถบริหารต้นทุนได้ดีเท่าที่ควร
แม้รายได้ที่ธุรกิจโรงแรมจ่ายให้พนักงานจะมากเกินกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำเยอะแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าในพนักงานใหม่ที่ต้องจ้างเข้ามาเสริม เพื่อฝึกฝนเป็นแรงงานทักษะสูงต่อไป กลุ่มนี้ก็ต้องจ้างในอัตราสูง แม้ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้ผู้ประกอบการเลือกซื้อตัวแรงงานมากประสบการณ์เข้ามาแทน ทำให้เด็กจบใหม่ต้องตกงานได้
การขยับค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลในรอบถัดไป อาจต้องประเมินผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจให้ครบถ้วนมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นอาจเสียมากกว่าได้