ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เมินแรงกดดันการเมืองปมลดดบ.ย้ำสื่อนอก ธปท.ต้องเป็นอิสระ รักษาสมดุลทางการเงิน-การฟื้นตัวศก.

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เมินแรงกดดันการเมืองปมลดดบ.ย้ำสื่อนอก ธปท.ต้องเป็นอิสระ รักษาสมดุลทางการเงิน-การฟื้นตัวศก.

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Street Signs Asia” ของสำนักข่าว CNBC วานนี้ (29 เม.ย.) ว่า แรงกดดันทางการเมืองจะไม่ทำให้ ธปท.เสียความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย แม้จะมีแรงกดดันอย่างมากให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ ธปท. ก็ไม่ได้ดำเนินการตาม หากไม่ใช่การดำเนินการอย่างเป็นอิสระ เพราะเรื่องดังกล่าวได้มีการพิสูจน์มานักต่อนักแล้ว และมองว่ากรอบการกำกับดูแลของแบงก์ชาติค่อนข้างชัดเจน การตัดสินใจที่ผ่านๆ มาบ่งชี้ถึงการดำเนินการบนพื้นฐานของสิ่งที่เหมาะสมที่สุดต่อเศรษฐกิจประเทศ มากกว่าจะเป็นความพยายามเพื่อผ่อนคลายแรงกดดันทางการเมืองหรืออื่นๆ

“การรักษาสมดุลระหว่างนโยบายการเงินกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงนั้นเป็นงานที่ยากสำหรับแบงก์ชาติ แต่หากดูเหตุผลของสิ่งที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงจะพบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยมากนัก ”

นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันเป็นระดับที่สนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว และสอดคล้องกับความพยายามที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยต้องรักษาสมดุลไม่เพิ่มภาระให้ครัวเรือนมากจนเกินไป แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามไม่ให้ประชาชนก่อหนี้ใหม่มากจนเกินไปด้วย โดยธปท.ประเมินว่าปีนี้เศรษฐฏิจไทยจะขยายตัวประมาณ 2.6% และปีหน้าขยายตัวได้ 3.0% โดยยังคงได้แรงหนุนสำคัญจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว และแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอ่อนแรงในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แต่มองว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ระหว่าง 1-3% ภายในสิ้นปีนี้ และอยากให้เน้นการลงทุนของภาครัฐให้มากขึ้น มากกว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น

Advertisement

“ปัญหาเชิงโครงสร้างทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอน โดยจำเป็นต้องมีการเพิ่มผลิตภาพในขณะที่ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและประชากรวัยทำงานหดตัวลง ขณะเดียวกันก็ควรจะต้องลดและผ่อนคลายกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึงเรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจด้วย”

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้รอยเตอร์สรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน เม.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.50% ทว่า ธปท.เผชิญแรงกดดันอย่างจากรัฐบาลให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และจากบันทึกการประชุมของ กนง.ในเดือนเม.ย. ระบุว่า กนง.มีความกังวลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และเห็นความสำคัญของกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ที่ควรมีอย่างต่อเนื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image