หาคำตอบทำไม-ไทยอันดับ 1 ประเทศที่ต้องไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต ดอกผลจากภารกิจเศรษฐา

หาคำตอบทำไม-ไทยอันดับ 1
ประเทศที่ต้องไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต
ดอกผลจากภารกิจเศรษฐา

กลายเป็นความสำเร็จอีกครั้งสำคัญ เมื่อประเทศไทยได้รับการโหวตเป็นอันดับ 1 ประเทศที่น่าเยี่ยมชมครั้งหนึ่งของชีวิต ประจำปี 2024 (World’s Best Countries To Visit In Your Lifetime 2024) จากนิตยสาร CEOWORLD ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

CEOWORLD เป็นนิตยสารด้านธุรกิจชื่อดังระดับโลก จากสำรวจความคิดเห็นผู้อ่านกว่า 260,000 คน เกี่ยวกับประเทศที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต ประจำปี 2024 ประเทศไทยได้อันดับ 1 ด้วยคะแนนสูงถึง 72.15 จาก 67 ประเทศทั่วโลก นิตยสารระบุว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีหลากหลาย ทำให้ได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยว เช่น สีสันยามค่ำคืน อาหารอร่อย ศิลปะและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา แหล่งช้อปปิ้งที่ขึ้นชื่อ แม่น้ำลำคลองที่คดเคี้ยวอย่างสวยงาม วัดของศาสนาพุทธ ตลาดกลางคืน ตลาดน้ำ และสวนสาธารณะสุดพิเศษ

การคว้าอันดับ 1 จากนิตยสาร CEOWORLD ยิ่งตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หลังจากปลาย ค.ศ.2023 กรุงเทพฯ ครองแชมป์เมืองที่ดีที่สุดจากการจัดอันดับโดยนิตยสารท่องเที่ยว DestinAsian ที่ประกาศผลการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุด ในหมวดหมู่เมืองปลายทางท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก โดยกรุงเทพฯ ครองอันดับหนึ่ง ตามด้วยโตเกียว สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ ฮ่องกง โซล ซิดนีย์ เซี่ยงไฮ้ ไทเป และโฮจิมินห์ นอกจากนี้ ภูเก็ต และ เกาะสมุย ได้รับความนิยมประเภทเกาะที่ดีที่สุด โดยอยู่ในลำดับ 3 และ 4 รองจาก เกาะบาหลี และเกาะมัลดีฟส์

Advertisement

การคว้ารางวัลอันดับโลกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวถึง 2 ครั้งต่อเนื่องกัน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ร่วมมือกันจนนำมาสู่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม และแพร่หลายไปทั่วโลก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นับจากเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ต้นเดือนกันยายน 2566 ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในด้านต่างๆ หนึ่งในนั้น คือ ภาคท่องเที่ยว ถือเป็นจุดแข็งและเสาหลักของไทย แม้จะประสบวิกฤตโควิด-19 จนแน่นิ่งไปนานหลายปี แต่ค่อยๆ พลิกฟื้นกลับมา

เมื่อรัฐบาลนายเศรษฐา เข้ามาบริหารประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จึงให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวไม่น้อย โดยกำหนดให้การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอยู่ในวิสัยทัศน์ 8 ด้าน อาทิ ศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางอาหาร ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ ผลักดันให้ไทยเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาค

Advertisement

ออกมาตรการต่างๆ สนับสนุนการท่องเที่ยวทั้งทางตรง และทางอ้อม ผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือกระทั่งนโยบายต่างๆ ที่เชิญชวนให้ต่างชาติมาเที่ยวไทยง่ายขึ้น นโยบายเด่นๆ และประสบความสำเร็จ อาทิ มาตรการฟรีวีซ่า ให้นักท่องเที่ยวหลายประเทศ แก้ไขกฎ ระเบียบ ที่เป็นอุปสรรครวมถึงการดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่น ไม่นับการเดินสายโรดโชว์ ของนายเศรษฐา และคณะรัฐมนตรี ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปประเทศไหน มักหยิบยกความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ขึ้นเป็นหนึ่งในหัวข้อพูดคุยกับผู้นำประเทศนั้นๆ

การผลักดันพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างรอบด้าน และการโรดโชว์หรือเดินหน้าประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยไปทั่วโลก ทำให้ไทยได้รับความนิยมมากขึ้น นำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามากขึ้น และที่ชัดเจนคือการที่กรุงเทพฯ และประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับ 1 ทั้งเมืองน่าเที่ยว และประเทศที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต ประจำปี 2024

ช่วงระยะเวลา 7-8 เดือน ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ และให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยว โดยมีนโยบายและแผนงานเป็นรูปธรรม

จึงส่งผลบวกต่อการเชิญชวนคนทั่วโลกมาเยือนเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นการยกระดับไทยเป็นจุดหมายจัดงานเทศกาล ผลักดันไทยเป็น Festival Hub ระดับโลก เช่น การเจรจาจัดงาน Summer Sonic-Tomorrowland รวมถึงนายกรัฐมนตรี หารือผู้บริหารสำคัญของบริษัท ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดกิจกรรมระดับโลก อาทิ Formula One Group, Formula E, Art Basel

ขณะเดียวกันสนับสนุนวิสัยทัศน์‘Ignite Thailand, Aviation Hub’ ประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค เพราะการเดินทางมาเยือนไทยด้วยความสะดวก รวดเร็ว ถือว่ามีความสำคัญ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก ตัดสินใจเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางง่ายขึ้น

การประกาศวิสัยทัศน์ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค เพื่อแก้สถานการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 10 ปีที่แล้วถือเป็นสนามบินที่ดีอันดับ 13 ของโลก แต่วันนี้อยู่อันดับ 68 ของโลก รัฐบาลจึงต้องเร่งปรับปรุงด้านต่างๆ ฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นสนามบินท็อป 50 ของโลกภายใน 1 ปีและภายใน 5 ปี ต้องอยู่ในท็อป 20 ให้ได้

นอกจากนี้ เมื่อครั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าพบนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และปาฐกถาในงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับนานาชาติ (MIPIM 2024) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่เมืองคานส์ ตอกย้ำพันธกิจและโชว์ศักยภาพ 3 โครงสร้างพื้นฐานของไทยทั้งศูนย์กลางการบิน โครงการ Landbridge และพลังงานสีเขียว เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองไทย หรือสนใจการลงทุนเพิ่มเติม

ล่าสุดกับเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ร่วมกับทุกหน่วยงานโหมกระแส จนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนเมืองไทย มากกว่าหลายปีที่ผ่านมา

ที่สำคัญหลายสื่อทั่วโลกยกให้สงกรานต์ไทย เป็นเวิล์ดคลาสอีเวนต์ การเดินหน้าสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย และประสบความสำเร็จในเวลาสั้นๆ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ทุกภาคส่วน ทำให้คนไทยพอมีรอยยิ้มบนหน้าได้บ้าง

อาจจะกล่าวได้ว่าภารกิจของนายกฯเศรษฐา ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผลักดันเฟสติวัลฮับ จัดตั้งฮับการบินในภูมิภาค วีซ่าฟรี การท่องเที่ยวเมืองหลักเมืองรอง ต่างๆ ได้ออกดอกออกผลเป็นความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว

เหล่านี้คือคำตอบว่า เหตุใดประเทศไทย จึงได้รับการโหวตเป็นอันดับ 1 ประเทศที่น่าเยี่ยมชมครั้งหนึ่งของชีวิต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image