ภาคเอกชน ชี้ ‘ป้าติ๋ม’ อาจได้สมบัติแหม่มฝรั่งเศส ‘ยาก’ หากเป็นชื่อบริษัท หุ้นส่วนต้องยินยอม

เชื่อป้าติ๋มอาจได้สมบัตินักธุรกิจฝรั่งเศสฆ่าตัวตายยาก หากสินทรัพย์เป็นชื่อบริษัท ที่มีคนไทย 2 รายที่ถือหุ้นในบริษัทด้วย นายกสมาคมฯท่องเที่ยวเกาะสมุย เผยมีต่างชาติใช้นอมินีคนไทยครองวิลลาหรูเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ บางรายถูกทนายความหลอก เสียหายกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม กรณีการเสียชีวิตของ นางแคทเทอร์รีน จูแอลว์ โรแลนด์ เจอร์เมน เดลาโคท อายุ 59 ปี ชาวฝรั่งเศส นักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจ่อขมับปลอดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลลาหรู อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 ก่อนตายได้ทำพนัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิทหลังทราบป่วยเป็นมะเร็ง เพราะเครียดจากโรคร้าย

จากข้อมูลทราบว่า นางแคทเทอร์รีน จดทะเบียนนิติบุคคล เมื่อ 19 เม.ย. 2555 ชื่อ บริษัท จี.วี.เอ็น.อี จำกัด ที่ตั้ง ม.2 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประเภทธุรกิจ 55101 โรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด วัตถุประสงค์ประกอบกิจการให้เช่าที่พัก รีสอร์ท บังกะโล และบ้านพักตากอากาศ ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 20,000 หุ้น

โดยผู้ตายถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 49 (9,800หุ้น) นายทองใส (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี อาชีพนักธุรกิจ ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 35 (7,000หุ้น) และน.ส.รัชประภา ชาว อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช อาชีพนักธุรกิจ (สงวนนามสกุล) ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 16 (3,200หุ้น)

Advertisement

ส่วนความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.ไกรฤกษ์ งามศรีอ่อน ผกก.สภ.เกาะสมุย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ โรงพยาบาลเกาะสมุยได้ส่งร่างของผู้เสียชีวิตไปทำการผ่าตรวจชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยหลังจากทางแพทย์แผนกนิติเวชดำเนินการผ่าพิสูจน์ศพแล้วเสร็จ ก็จะนำศพของนางแคทเทอร์ริน กลับมาเก็บไว้ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อรอญาติหรือผู้เกี่ยวข้องมาติดต่อเกี่ยวกับการจัดการศพ และพนักงานสอบสวนได้รับเอกสารผลการตรวจชันสูตรศพก็จะได้สรุปสำนวน รวมถึงแจ้งความคืบหน้าทางคดีต่อสถานทูตฝรั่งเศส ตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับเกี่ยวกับ พินัยกรรมของผู้ตาย พ.ต.อ.ไกรฤกษ์ แจ้งว่า ในขณะนี้ทางตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับพินัยกรรมซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมื่อผู้เสียชีวิตได้มีการเขียนพินัยกรรมไว้ก็จะต้องมีญาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายซึ่งในกรณีของนางแคทเทอร์รีน คาดว่าน่าจะเป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจจะต้องเป็นผู้ไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่ง ไปยังผู้จัดการมรดกและดำเนินการมอบมรดกตามพินัยกรรม ซึ่งภายใน 30 วัน หากมีข้อโต้แย้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถดำเนินการได้โดยตรงไปยังศาลโดยโดยไม่ต้องผ่านพนักงานสอบสวน ซึ่งในขณะนี้ในส่วนของตำรวจเรายังไม่ได้รับการร้องขอใดๆเป็นพิเศษจากญาติหรือหรือผู้เกี่ยวข้อง

Advertisement
พ.ต.อ.ไกรฤกษ์ งามศรีอ่อน ผกก.สภ.เกาะสมุย

โดยวันนี้ทีมข่าวได้พยายามอีกครั้งในการติดต่อ นางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม แม่บ้านชาวอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เพื่อสอบถามพูดคุยกรณีที่ได้รับทรัพย์สินมรดกเกินกว่า 50 ล้านบาท จากนักธุรกิจหญิงชาวฝรั่งเศส ที่ก่อเหตุฆ่าตัวตายในวิลลาบนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 เมษายน ซึ่งปรากฎว่า ป้าติ๋ม รับสายโทรศัพท์ เมื่อแนะนำตัว ป้าติ๋ม ก็บอกว่า “ตอนนี้ไม่สะดวก และทำธุระอยู่ อยู่กับ ไม่ๆ ป้าติ๋ม ไม่สะดวก ป้าติ๋มอยู่ส่วนตัว ไม่ได้ ๆ เขานั่งอยู่”

ภาคเอกชนท่องเที่ยวเกาะสมุย เชื่อป้าติ๋มได้สมบัตินักธุรกิจฝรั่งเศสฆ่าตัวตายยาก ต้องตรวจสอบตัวกฎหมายว่าเป็นสินทรัพย์ของบริษัทหรือไม่ หลังพบมีคนไทย 2 รายที่ถือหุ้นในบริษัทด้วย ส่วนช่องโหว่กฎหมาย ทำให้ต่างชาติใช้นอมินีคนไทยครองวิลลาหรูเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ บางรายถูกทนายความหลอก เสียหายกว่า 100 ล้านบาท

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวถึงข่าวการทำพินัยกรรมของ นางแคทเทอรีน อายุ 59 ปี นักธุรกิจหญิง ชาวฝรั่งเศส ที่ฆ่าตัวตายและมอบทรัพย์สินให้ นางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท ราว 50-100 ล้านบาทว่า นางแคทเทอรีน จดทะเบียนบริษัท ถือครองวิลลาที่อยู่อาศัย และที่ดิน โดยมีชื่อคนไทย 2 คน เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาต่อไปว่า ทรัพย์สินดังกล่าวจะให้ป้าติ๋มได้อย่างไร ก็ต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนบริษัทก่อน

ซึ่งปัญหานอมินี ในการลงทุนของชาวต่างชาติในเกาะสมุย พบว่า นักลงทุนหลายคนไม่เข้าใจกฎหมายไทย โดยเฉพาะหลังจากสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่นักลงทุนชาวรัสเซีย นำเงินมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เข้าใจกฎหมาย จึงทำให้เกิดนอมินี และเรื่องนี้ ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนท้องถิ่นในเกาะสมุย ที่ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเสียภาษีถูกต้อง จึงทำให้มีความกังวล เพราะกลุ่มนอมินีไม่มีการเสียภาษีให้รัฐ และไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และนักลงทุนต่างชาติบางคนก็ดำเนินการ ไปด้วยความไม่รู้กฎหมายไทย หรือไปปรึกษาที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความบางคน และนักบัญชี จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ก็จะกลายเป็นตัวศูนย์เหรียญ สร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวของเกาะสมุย

ขณะที่จากการพูดคุยกับ นักลงทุนบางคน ทำให้พบว่าถูกสำนักงานทนายความ และการบัญชีบางแห่ง หลอกลวง ในการเดินเรื่องเอกสารทำตามกฎหมายไทย โดยให้นักลงทุน จดทะเบียนบริษัท และถือหุ้น ในสัดส่วน 49% ส่วนอีก 51% มีชื่อของคนไทยถือหุ้น ซึ่งเป็นนอมินี ทั้งที่ผิดกฎหมาย แต่นักลงทุน กลับไม่รู้เรื่องดังกล่าว และเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมาย ก็ทำให้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากได้ลงทุนไปแล้วบางรายมากกว่า 100 ล้านบาท สุดท้ายก็ถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงน่าเห็นใจนักลงทุนกลุ่มนี้มาก เพราะนักลงทุน ก็อยากทำตามกฎหมายไทย ให้ถูกต้อง แต่อาจเข้าไม่ถึงกระบวนการ หรือหน่วยงานภาครัฐ

ซึ่งสมาคมท่องเที่ยวเกาะสมุย พร้อมเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างนักลงทุนกับหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะ สำนักงานสรรพากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ท้องถิ่น ให้ประชาสัมพันธ์ เป็นภาษา ต่างประเทศโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ รัสเซีย และจีน หรือจัด workshop เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติได้เข้าใจกฎหมายของไทย

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image