ซีพีแอ็กซ์ตร้า กวาดรายได้ไตรมาสแรกทะลุ 1.2 แสนล้าน กำไร 2,481 ล้าน

ซีพีแอ็กซ์ตร้า กวาดรายได้ไตรมาสแรกทะลุ 1.2 แสนล้าน กำไร 2,481 ล้าน

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม บริษัท ซีพี แอ็กซ์ ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,798 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315 ล้านบาท หรือ ร้อยละ14.6

โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 121,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 7,138 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งร้อยละ 6.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายภายในสาขาเดิม โดยเฉพาะจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (OmniChannel) และสาขาใหม่ของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศและธุรกิจฟูดเซอร์วิส

ขณะที่รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นอาหารสดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ สัดส่วน Omni Channel ของบริษัท และบริษัทย่อยคิดเป็นร้อยละ 16.3 ของรายได้จากการขาย ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 15.0 ตอกย้ำ “ผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีกค้าส่ง” เป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค

Advertisement

ในด้านรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่นรวมจำนวน 2,315 ล้านบาท ลดลงจำนวน 305 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับแนวโน้มธุรกิจรายได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567 โดยเน้นกลยุทธ์การเติบโตผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการขาย Omni Channel กรขยายสาขาใหม่ และปรับโฉมสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสร้างศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนรวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย โดยนำเสนอในรูปแบบและขนาดตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น

ในไตรมาสแรกของปี บริษัทและบริษัทย่อยได้ดำเนินการเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าใหม่ 4 สาขา และเปิดโลตัส อีทเทอรี 1 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายสาขาที่วางไว้ นอกจากนี้ ยอดขาย Omni Channe ในไตรมาสแรกของปีเติบโตอย่างก้าวกระโดด ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่ายอดขาย Omni Channel จะเพิ่มสัดส่วนเป็นอย่างน้อยร้อยละ 17 ของยอดขายรวมในปีนี้ จากการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการและการขยายพื้นที่ให้บริการ

Advertisement

รวมถึงใช้จุดแข็งของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่มีเครือข่ายรวมกันกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้าเพื่อเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ที่มีอยู่ พร้อมด้วยการพัฒนาทีมนักขายนอกร้าน ที่เข้าใจ เข้าถึงลูกค้า เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ

อีกทั้ง การผนึกกำลังของบริษัทและบริษัทย่อย ใช้ความแข็งแกร่งด้านอาหารสด พัฒนาต่อยอดอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งสรรหาสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อสร้างความแตกต่าง ความหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า และเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private Label)

ทั้งนี้ การเติบโตของภาพรวมรายได้ดังกล่าวข้างต้นจะสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศและประเทศที่บริษัทมีการลงทุน โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ รวมถึงภาคการผลิตเริ่มกลับมาขยายตัวส่งผลดีต่อการบริโภคและตลาดแรงงาน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเชิงลบจากการเผชิญกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกที่ช้าและไม่ทั่วถึง รวมถึงกำลังซื้อที่จำกัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการดำเนินงานของบริษัท

อย่างไรก็ดี บริษัทมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน (ESG) เพื่อเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนระดับโลก ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และลดผลกระทบเชิงลบด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยกลยุทธ์สร้าง
การเติบโตทางทั้งในด้านธุรกิจและความยั่งยืน การบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image