“สมคิด”มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ดี โพลล์หลายสำนักเชื่อมั่นก้าวกระโดด สั่งซีอีโอรสก.วางแนวทำงาน 20 ปีสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเปิดสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ “SOE CEO Forum” ที่สถาบันพัฒนาศักยภาพธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า รายงานไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ว่ามีแนวโน้มดี ดัชนีความเชื่อมั่นทั้งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และแม้แต่การสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจญี่ปุ่นต่อไทยพบว่าความเชื่อมั่นก้าวกระโดด

นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้ดัชนีที่แม่นที่สุดในการทำนายเศรษฐกิจ คือดัชนีของปูนซีเมนต์ เวลาเศรษฐกิจเริ่มขยับปริมาณการใช้วัสดุก่อสร้างและปูนซีเมนต์จะสูงขึ้น พบว่าตัวเลขของปีนี้โตเป็นครั้งแรกนับจาก 3-4 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะโต 3% เกิดจากการใช้จ่ายภาครัฐที่มากขึ้น โครงการรัฐขับเคลื่อน ประกอบกับสินค้าเกษตรเริ่มมีราคาดีขึ้น อีกทั้งการบริโภคของคนชั้นกลางเงินเดือน 5 หมื่นบาท เริ่มดีขึ้น

“จากแนวโน้มอย่างนี้ บวกกับโครงการต่างๆ ที่กำลังคลอด ประเทศเราพ้นจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ในปีนี้เทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าดีกว่ามาก เพราะปีที่แล้วความมั่นใจของประชาชนไม่ดี ความมั่นใจเศรษฐกิจไม่ดี ส่งออกไม่ดี สินค้าเกษตรตกต่ำ ปีที่ผ่านมาทั้งปีต้องขอขอบคุณการลงทุนจากรัฐวิสาหกิจที่มีส่วนเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตไปได้ และในปีนี้การลงทุนของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ช่วยผลักดันให้เอกชนเริ่มลงทุน จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น สินค้าเกษตรดีขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีก่อน เศรษฐกิจโตเพียง 0.8% เป็นอาการของคนที่ชีพจรเริ่มเต้นไม่แรง เงินเฟ้อแผ่วลง ดีมานด์ไม่ดี ถ้าปล่อยไปจะฉุดขึ้นยาก แต่ตอนนี้ถือว่าดีขึ้นมาก มีโอกาสที่ไทยจะพลิกกลับมาได้ ซึ่งต้องร่วมมือร่วมใจกัน โดยรัฐวิสาหกิจต้องปรับมุมมองการทำงาน เพราะรัฐวิสาหกิจมีพลังมหาศาลในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ เห็นได้จากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่รัฐวิสาหกิจยังสามารถขับเคลื่อนการทำงานไปได้ โดยมีสินทรัพย์รวมกันในระดับที่สูงมาก

Advertisement

นายสมคิด กล่าวว่า ในการทำงานของรัฐวิสาหกิจวางเป้าหมายการทำงานให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงต้องให้สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 โดยจะไม่เน้นเรื่องกำไรเป็นหลักอย่างในอดีตที่ผ่านมา อยากให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทย เพราะมองว่าเศรษฐกิจไทยสามารถที่จะพลิกกลับมาโตอย่างก้าวกระโดด โดยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่ดีและมีความไม่แน่นอนสูง เอเชียโดดเด่นมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ไทยถือว่าเป็นศูนย์กลาง หรือบ่อทองของกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งรัฐวิสาหกิจต้องปรับตัว เช่น การบิน หากอยากเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว ต้องมีการเชื่อมโยงของสายการบินในแต่ละจังหวัด ต้องไม่มองว่าจะไปแข่งขันกันเอง แต่มองว่าเชื่อมเพื่อการสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากให้รัฐวิสาหกิจและเอกชนมาสร้างศูนย์การเรียนรู้ครบวงจร เช่น ปตท.สร้างในเรื่องเกี่ยวกับน้ำมัน รถไฟสร้างเรื่องราวของรถไฟ เกษตรสร้างเพื่อให้เรียนรู้เรื่องอาหาร กลุ่มซีเมนต์สร้างในเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อเปิดให้เด็กและเยาวชนมาเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพในอนาคต โดยเงินที่นำมาลงทุนนั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลยังเน้นเรื่องการลงทุน ซึ่งการลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อรัฐและรัฐวิสากิจลงทุนคาดว่าเอกชนจะเริ่มลงทุนตาม ดังนั้นการที่นำซีอีโอมาประชุมครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งรัฐวิสาหกิจนั้นมีพลังที่สูงมากที่ผ่านมายังไม่เคยมีการรวมพลังในลักษณะนี้

Advertisement

“วันนี้อยากให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเห็นว่าคนอื่นทำอะไรกันบ้าง เช่น ปตท.มีการพัฒนาอะไรบ้าง จาก 3 ทหาร มาเป็นอย่างทุกวันนี้ ท่านรองนายกฯ เน้นว่าทุกคนต้องไปวางเป้าหมายองค์กรว่าจะไปอย่างไร โดยต้องให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อย่าไปมองแค่รายโครงการ แต่ให้มองในภาพรวม 5 ปี 10 ปี 20 ปี ว่าองค์กรนั้นอยากจะเป็นอะไร ถ้าทำได้เป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศที่ดีมาก” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ในช่วงที่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รัฐวิสาหกิจต้องเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปี2560รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจร่วมกันขับเคลื่อน ในประเด็นต่างๆ ประกอบด้วย 1.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีกำหนดที่ 95%ของกรอบงบลงทุนทั้งปี และให้เลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น 2. จัดทำแผนรัฐวิสาหกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยให้นำกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และไทยแลนด์ 4.0 และแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจในภาพรวมมาเป็นกรอบในการจัดทำแผนรัฐวิสาหกิจ 3.สนับสนุนให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่เชื่อมโยงกับการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค รวมทั้งการนำโครงการลงทุนที่มีศักยภาพมาระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และ4.การผลักดันให้รัฐวิสาหกิจเป็นองค์กรสมรรถนะสูงที่มีธรรมาภิบาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image