ไทยเผชิญวิกฤต บ้านว่าง พุ่ง 1.3 ล้านหลัง มูลค่า 2.6 ล้านล้าน แนะเก็บภาษี-ประมูลขายใหม่

ไทยเผชิญวิกฤต บ้านว่าง-ร้าง พุ่ง 1.3 ล้านหลัง มูลค่า 2.6 ล้านล้าน แนะเก็บภาษี เปิดประมูลขายใหม่

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า ด้วยประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ “ผู้สูงวัย” แล้ว ขณะนี้จำนวนบ้านเกิดใหม่เพิ่มขึ้นตลอด แต่จำนวนประชากรกลับเพิ่มขึ้นน้อยมากและเริ่มจะลดลงทำให้เกิดปัญหา “บ้านว่าง” ถึงขณะนี้ประมาณ 1.3 ล้านหน่วย รวมมูลค่า 2.6 ล้านล้านบาท

“ได้นำข้อมูลของการไฟฟ้านครหลวง มาวิเคราะห์ประเด็นปัญหาบ้านว่าง พบว่าประเทศไทยมีบ้านว่างอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ บ้านว่างหมายถึงบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัย หรือเคยมีผู้เข้าอยู่อาศัยแล้ว แต่ย้ายออก บ้านว่างมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว และห้องชุด” นายโสภณกล่าว

นายโสภณกล่าวว่า โดยบ้านว่างเหล่านี้บางส่วนมีผู้ใช้สอยเช่นกัน แต่น้อยมาก เช่น ใช้ไฟฟ้าเพียงไม่ถึง 15 หน่วยต่อเดือน อาจจะเข้ามาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว ยิ่งกว่านั้นยังมีบ้านอีกจำนวนหนึ่งที่แม้แต่มิเตอร์ไฟฟ้าก็ถูกถอดทิ้งไปแล้ว

Advertisement

อย่างไรก็ตาม “บ้านว่าง” คงไม่ได้หมายเฉพาะถึง “บ้านร้าง” หรือบ้านที่ถูกทิ้งร้างไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยมานาน แบบ “บ้านผีสิง” หรือซากของอาคาร เพราะส่วนใหญ่เพียงแต่ปิดทิ้งไว้เท่านั้น

“จากข้อมูลของการไฟฟ้านครหลวง พบว่าในเขตบริการไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ มีบ้านว่างอยู่ประมาณ 500,000 หน่วย แต่หากนับรวมทั้งเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมบางส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย จะมีบ้านว่างรวมกันถึง 617,923 หน่วย ถือว่ามีจำนวนมากทีเดียว ทั้งนี้ บ้านทุกประเภทในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีอยู่ 4,654,370 หน่วย จึงเท่ากับว่าบ้านว่างมีสัดส่วนถึง 13.3% ของบ้านทั้งหมด หรือบ้านทุกๆ 8 หน่วยจะมีบ้านว่างอยู่ 1 หน่วย นับว่าสูงมาก” นายโสภณกล่าว

นายโสภณกล่าวว่า ยิ่งหากพิจารณาจากขอบเขตทั่วประเทศ ประมาณการว่าจะมีบ้านว่างรวมกันถึง 1,309,551 หน่วย จากที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 27,708,635 หน่วย หรือประมาณ 4.7% นั่นหมายความว่าในทั่วประเทศมีบ้านว่างอยู่ประมาณ 1 หลังในทุกๆ 21 หลัง อย่างไรก็ตามจำนวนบ้านว่าง 1,309,551 หน่วยในไทยนี้ยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น โดยข่าวจาก Nikkei รายงานว่ามีบ้านว่างอยู่ 8.5 ล้านหน่วย จากทั้งหมด 80 ล้านหน่วย เป็นสัดส่วนบ้านว่างถึง 10% หรือมากกว่าไทยถึง 6 เท่า ญี่ปุ่นมีประชากร 125 ล้านคน แสดงว่าบ้านแต่ละหลังมีคนอยู่เพียง 1.56 คนเท่านั้น

Advertisement

นายโสภณกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในกรณีกรุงเทพฯ และจังหวัดโดยรอบ บางส่วนในเขตบริการไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง พบว่าในเดือนมกราคม 2564 มีบ้านว่าง 525,889 หน่วย แต่ในเดือนมกราคม 2565 บ้านว่างกลับลดลงเหลือ 505,062 หน่วย แสดงว่าสถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่ลง แต่กลับดีขึ้นที่มีผู้กลับมาใช้สอยบ้านว่างมากขึ้น

“เมื่อคิดจำนวนบ้านว่าง 1.3 ล้านหน่วย หากราคาเฉลี่ยหน่วยละ 2 ล้านบาท เท่ากับมีมูลค่ารวมกัน 2.6 ล้านล้านบาท หรือเกือบเท่างบประมาณแผ่นดินไทย หากปีหนึ่งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั่วประเทศ 200,000 หน่วย เท่ากับว่าแทบไม่ต้องเปิดโครงการใหม่ 6 ปี ยังมีอุปทานที่อยู่อาศัยเพียงพอแก่ผู้สนใจซื้อ การปล่อยบ้านว่างทิ้งไว้เฉยๆ โดยที่กระบวนการขายทอดตลาดค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ เท่ากับปล่อยให้ที่อยู่อาศัยเหล่านี้เป็นความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ” นายโสภณกล่าว

นายโสภณกล่าวว่า ดังนั้นแนวทางการแก้ไขคือควรประเมินค่าทรัพย์สินบ้านเหล่านี้ตามสภาพในราคาตลาด เช่น หากเฉลี่ยหน่วยละ 2 ล้านบาท ก็เก็บภาษีปีละ 2% หรือ 40,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของมาใช้สอย หรือขายเพื่อเพิ่มอุปทานในตลาดให้แก่ผู้สนใจซื้อ เมื่อมีอุปทานเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ราคาบ้านจะไม่สูงจนเกินไป ความสามารถในการซื้อบ้านของประชาชนจะไม่ได้ผลกระทบ

นอกจากนี้ หากบ้านหลังใดไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่ได้เสียภาษีมานาน 3 ปีต่อกัน รัฐบาลควรที่จะนำบ้านมาประมูลขาย เพื่อนำเงินมาเสียภาษีที่ติดค้างไว้ และหากไม่สามารถหาเจ้าของได้ในขณะนั้น เมื่อขายแล้วนำเงินไปฝากที่สถาบันการเงิน เพื่อให้เจ้าของ (ถ้ามี) มารับในภายหลัง รัฐบาลของมหาชน จะปล่อยให้คนบางกลุ่มเก็บทรัพย์ไว้เก็งกำไรโดยไม่เสียภาษีไม่ได้ ทั้งนี้ บ้านว่างเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติที่ควรนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อสังคมส่วนรวม

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image