พิษโลว์ซีซั่น พักโรงแรม เม.ย.แผ่ว จี้รัฐคลอด 4 มาตรการ ดันรายได้ท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์

ปี 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท แซงปี 2562 ที่ภาคการท่องเที่ยวไทยทำรายได้สูงสุดสูงถึง 3 ล้านล้านบาท

ผ่านมา 4 เดือน (มกราคม) การท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวพร้อมวิ่งสู่เป้าหมาย โดยเฉพาะผลจากการจัดงานมหาสงกรานต์เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นพร้อมกับมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ซึ่งประกาศนโยบายหลังรับตำแหน่งจะทำให้รายได้ภาคการท่องเที่ยวถึง 3.5 ล้านล้านบาทต่อปีให้ได้ และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว (Tourism Hub)

ถือเป็นย่างก้าวของภาคการท่องเที่ยวไทยที่น่าติดตาม

ล่าสุดสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนเมษายน 2567 ถือเป็นช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น)ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบข้อมูลน่าสนใจเช่นกัน

ADVERTISMENT

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ให้ข้อมูลว่า ผลสำรวจระหว่างวันที่ 5-24 เมษายน 2567 มีผู้ตอบแบบสำรวจ 126 แห่ง พบว่า อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 61% ลดลงต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมเพราะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผลสำรวจยังพบว่า โรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% คิดเป็นประมาณ 70% ของผู้ตอบ และกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกกลาง (ไม่รวมจีน) ยุโรปตะวันตก และรัสเซียและยุโรปตะวันออก และส่วนใหญ่เข้าพักในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ด้วยข้อมูลนี้จึงคาดการณ์อัตราการเข้าพักเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ที่ 52%

ADVERTISMENT

สำรวจแนวโน้มการปรับราคาห้องพักในปี 2567 พบว่า โรงแรมส่วนใหญ่มีราคาห้องพักใกล้เคียงจากเดิม หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2566 โดยโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และโรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีสัดส่วนการปรับขึ้นราคาห้องพักมากกว่ากลุ่มอื่น ส่วนโรงแรมไม่เกิน 3 ดาว ยังมีราคาห้องพักใกล้เคียงกับปี 2566 โดยโรงแรมกว่า 40% มีแนวโน้มปรับราคาห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 11-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และโรงแรมเกือบ 20% มีแนวโน้มปรับราคาห้องพักสูงกว่า 20%

ขณะที่แนวโน้มการใช้จ่ายของลูกค้าในปี 2567 คาดว่าทั้งคนไทยและต่างชาติมีแนวโน้มใช้จ่ายสำหรับห้องพักและบริการอื่นๆ ภายในโรงแรมใกล้เคียงกับปี 2566 แต่ต่างชาติมีการใช้จ่ายสูงกว่า โดยธุรกิจโรงแรมกว่า 90% ได้รับผลกระทบต่อรายได้จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป

สำรวจด้านการจ้างงานเดือนเมษายน 2567 พบว่า โรงแรมกว่า 60% เผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมีนาคม ส่วนใหญ่กระทบคุณภาพการให้บริการ แต่ไม่กระทบความสามารถในการรองรับลูกค้า และส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออก และภาคใต้ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก

ผู้ประกอบการโรงแรมจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลขอให้ออกมาตรการช่วยเหลือ 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.มาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าสาธารณูปโภค ค่าพลังงาน รวมถึงลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยเฉพาะการชะลอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำออกไปก่อน รวมถึงเสนอให้มีมาตรการช่วยบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นด้วย อาทิ ให้สามารถนำเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้กับแรงงานมาลดหย่อนภาษีได้

2.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในช่วงโลว์ซีซั่น มีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเมืองรอง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทย เพิ่มหรือขยายมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวหลายสัญชาติมากขึ้น จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยและสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กในแต่ละพื้นที่มากขึ้น รวมถึงเน้นทำการตลาด เพื่อดึงดูดลูกค้าต่างชาติกลุ่มที่พักระยะยาว อาทิ นักท่องเที่ยวยุโรป

3.มาตรการด้านแรงงาน โดยอยากให้ภาครัฐช่วยจัดอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวให้มีจำนวนและคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานด้าน front office และงานบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังอยากให้รัฐร่วมมือกับมหาวิทยาลัยให้มีนักศึกษาฝึกงานที่โรงแรม ประกอบกับสนับสนุนให้ผู้พิการสามารถทำงานในโรงแรมได้มากขึ้น

4.มาตรการด้านการเงิน โดยสนับสนุนมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับธุรกิจโรงแรมในการปรับปรุงที่พักเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และอยากให้สถาบันการเงินลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น

นายเทียนประสิทธิ์ให้ความเห็นว่า เดือนพฤษภาคมเริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นแล้ว อยากให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยส่งเสริมในภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม สร้างแคมเปญให้คนไทยเดินทางภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงช่วยเหลือในเรื่องผลกระทบที่ภาคธุรกิจโรงแรมต้องเผชิญ

“ต้องการมาตรการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ คือเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับ ทั้งการปรับค่าแรง ค่าน้ำค่าไฟ ภาษี การแก้ไขเรื่องปัญหาขาดแคลนแรงงานในเรื่องการจัดอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพมากขึ้น ยกระดับมาตรฐานพัฒนาให้โรงแรมมีคุณภาพเพื่อผลักดันราคาห้องพักเฉลี่ยของไทยให้เพิ่มขึ้น” นายเทียนประสิทธิ์ทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image