| ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
|---|
บรรยากาศกระทรวงอุตสาหกรรมผ่านสายตาของประชาชนอย่างเราๆ ชัดเจนว่ามีความผิดปกติ ผิดปกติทั้งฝั่งการเมือง และฝั่งข้าราชการ
เริ่มเห็นเด่นชัดจากปมปัญหาใบอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรม (ร.ง.4) ถูกเอกชนบางส่วนร้องเรียนว่าล่าช้า หวั่นซ้ำรอยอดีต
ต่อเนื่องถึงประเด็นลักลอบขนกากแคดเมียมจาก จ.ตาก ไป จ.สมุทรสาคร ก่อนจะถูกกระจายไปเขตบางซื่อ กทม. และ จ.ชลบุรี ปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งกลับต้นทาง และอยู่ในการสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
ต่อมาเป็นกรณีเหตุเพลิงไหม้ของกลางกากอุตสาหกรรมของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด จ.ระยอง เชื่อมโยงกับเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บถังสารเคมีใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันอยู่ในขั้นสืบสวนของตำรวจ
รวมทั้งเหตุไฟไหม้ ตลอดจนอุบัติเหตุในโรงงาน โกดัง หรือกิจการต่างๆ หลายแห่งช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย
ล่าสุดเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บวัตถุดิบสารไพโรไลซิส แก๊สโซลีน ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด จ.ระยอง เครือเอสซีจี จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดต้องมีคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะความผิดตามกฎหมายขั้นสูงสุด และต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
แต่อีกสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว คือ ความเป็นมืออาชีพของนักบริหาร ระดับผู้บริหาร จนถึงระดับปฏิบัติการ ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม
ทุกครั้งที่เกิดเหตุ อยากให้ทุกฝ่ายเพิ่มการสื่อสารระหว่างกัน ยื่นมือช่วยเหลือกัน แก้วิกฤตไปด้วยกัน
ขณะเดียวกันในเนื้องานอื่นๆ ตามภารกิจที่กระทรวงอุตสาหกรรมทำอยู่ อยากให้เพิ่มน้ำหนักการสื่อสาร ไม่ใช่เพื่อกลบข่าววิกฤตข้างต้น
แต่เพื่อให้สังคมรับรู้ มีความหวังว่าความเป็นอยู่จะดีขึ้น จากภาคอุตสาหกรรมที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่หลายหน่วยงานเศรษฐกิจทยอยปรับลดจีดีพีปี 2567
เชื่อว่าทั้งฟากการเมือง หรือข้าราชการ ต่างมีเป้าหมายทำงานเพื่อประชาชน เพื่อประเทศ
งานที่มาจากความเป็นมืออาชีพของทุกคน
