ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.81 บาทต่อดอลลาร์ ‘ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง’
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.81 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.95 บาท/ดอลลาร์
นายพูนกล่าวว่า โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.75-36.84 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ตามการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ ทว่าการแข็งค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงเข้าใกล้โซนแนวรับระยะสั้น
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้น (1 ปี) และระยะยาว (5 ปี) ที่สำรวจโดยเฟด สาขานิวยอร์ก ออกมาสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าราว +0.3pct และ +0.2pct ตามลำดับ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน ซึ่งอาจช่วยสะท้อนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษและทิศทางนโยบายการเงินของทางธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน ทั้งยอดการจ้างงานและการเติบโตของค่าจ้าง รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เช่นกัน
“และในฝั่งไทย ควรรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้” นายพูนกล่าว
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท อาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวระดับ 36.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI (ตลาดรับรู้ราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) และถ้อยแถลงของประธานเฟด (ราว 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งต้องจับตาโซนแนวต้านระยะสั้น 36.85 บาทต่อดอลลาร์ ว่าเงินบาทจะสามารถอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้หรือไม่ เนื่องจากการอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวก็อาจเปิดโอกาสให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซน 37.00 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าก็ยังคงมีอยู่บ้าง อาทิ โฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจยังไม่รีบกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม จนกว่าจะเห็นภาพแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจชะลอลงบ้าง แถวโซน 36.90-37.00 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากบรรดาผู้ส่งออกบางส่วนก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในโซนดังกล่าวบ้าง
ในกรณีที่ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซน 37.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก (ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำ) ในทางกลับกัน เราคาดว่า หากดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ออกมาตามคาด หรือ ต่ำกว่าคาด อาจช่วยหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 36.60-36.70 บาทต่อดอลลาร์ได้
“เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” นายพูนกล่าว