กำลังซื้ออ่อนแอ ฉุดอสังหาQ1 ชะลอตัวแรง ต่างชาติซื้อคอนโดคึก1.8หมื่นล้าน ‘พม่า’ แซง ‘รัสเซีย’

กำลังซื้ออ่อนแอ ฉุดอสังหาQ1 ชะลอตัวแรง ต่างชาติซื้อคอนโดคึก 1.8 หมื่นล้าน ‘พม่า’ แซง ’รัสเซีย’

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 1/2567 พบการชะลอตัวอย่างมากด้านอุปสงค์ ทั้งจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศลดลง 13.8% จำนวนเงินสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ขยายตัวลดลง 20.5% ต่ำสุดในรอบ 25 ไตรมาส เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อุปทานที่เกิดขึ้นใหม่ชะลอตัวลงทั้งใบอนุญาตจัดสรรทั่วประเทศลดลง 19.7% การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วประเทศลดลง 12% ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ลดลง 38.5%

นายวิชัยกล่าวว่า แต่หลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดจะส่งผลดีครึ่งปีหลัง โดยตลาดจะมีการพลิกฟื้นไม่น้อยกว่า 5% และสูงสุดได้มากกว่า 10% โดยคาดทั้งปีจะมีหน่วยโอน 386,861 หน่วย เพิ่มขึ้น 5.5% มูลค่า 1,105,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% เป็นแนวราบ 277,118 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.1% มูลค่า 795,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% ห้องชุด 109,743 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.5% มูลค่า 310,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% มีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ 698,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% และมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลคงค้างทั่วประเทศ 5,191,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9%

“แต่หากเจอภาวะที่สามารถขอกู้เงินจากสถาบันการเงินได้มาก อาจทำให้ตลาดได้รับผลกระทบลดลงได้ อย่างไรก็ตามตลาดอสังหาฯยังคงมีปัจจัยลบจากมาตรการ LTV และหนี้ครัวเรือน ทำให้แบงก์เข้มปล่อยกู้ และยังฉุดยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ไตรมาสแรกเพียง 121,529 ล้านบาท” นายวิชัยกล่าว

Advertisement

นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์การโอนห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาสแรก 2567 มีจำนวน 3,938 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.3% มูลค่า 18,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีข้อสังเกตว่า เป็นไตรมาสที่มีจำนวนหน่วยโอนมากที่สุดในรอบ 25 ไตรมาส (Q1/2561-Q1/2567)

สำหรับสัญชาติที่มีจำนวนหน่วยและมูลค่าโอนมากสุด คือ สัญชาติจีน 1,596 หน่วย คิดเป็น 41% มูลค่า 7,570 ล้านบาท คิดเป็น 42% ของผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่เป็นต่างชาติทั้งหมด สัญชาติพม่า 392 หน่วย คิดเป็น 10% มีมูลค่า 2,207 ล้านบาท คิดเป็น 12% และ สัญชาติรัสเซีย 295 หน่วย คิดเป็น 7% มีมูลค่า 924 ล้านบาท คิดเป็น 5%

“ตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะห้องชุดที่มียอดการซื้อจากชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่องในภาวะที่กำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ ได้สะท้อนให้เห็นความจำเป็นและโอกาสที่จะต้องดึงกำลังซื้อ ใหม่ๆ ให้เข้ามากระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในช่วงสั้นๆ โดยให้มีผลกระทบเชิงลบน้อย ซึ่งจำเป็นต้องเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน” นายวิชัยกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image