| ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
|---|
นํ้ามันดีเซลราคาไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ยังต้องลุ้นว่าคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะอนุมัติวันไหน
จากปัจจุบันราคา 32 บาทต่อลิตร
เพราะเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม กำหนดตั้งแต่ 20 เมษายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567 เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกยังคงผันผวน และเพื่อประคองฐานะกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งปัจจุบันติดลบกว่า 1.1 แสนล้านบาท
ล่าสุด สถานการณ์น้ำมันโลกยังผันผวน จากความหวังเศรษฐกิจในสหรัฐและจีนเติบโต กระตุ้นการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และตลาดยังจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปคและพันธมิตร หรือโอเปคพลัส วันที่ 1 มิถุนายนนี้ ที่อาจคงมติปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับปัจจุบันต่อไป เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 90 เหรียญต่อบาร์เรล
หากปัจจัยเทไปทางขาขึ้น จะยิ่งกดดันราคาขายปลีกดีเซลในไทยให้ใกล้ 33 บาทต่อลิตร
แต่หากมีปัจจัยใหม่ทำให้ต้นทุนราคาถูกลง ขายปลีกจะลงตามก็ลำบาก เพราะยังมีภารกิจคืนเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อกู้สถานภาพปัจจุบันที่สาหัส ให้กลับมาดีขึ้น จากปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังคงอุดหนุนถึง 2 บาทต่อลิตร คิดเป็นเงินไหลออกวันละ 123.14 ล้านบาท
เมื่อดีเซลไร้ทางลง มีแต่ขึ้นกับขึ้น กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบเต็มๆ อย่าง ภาคขนส่ง จึงเคลื่อนไหว
โดยสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ขอเข้าพบ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยเหลือ พร้อมระบุว่าหากไม่ตอบรับจะเคลื่อนไหวต่อไป รวมทั้งขึ้นราคาค่าขนส่ง
ขณะที่ผู้ประกอบการอย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ก็ยอมรับว่า หากราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปจนถึงจุดที่รับไม่ไหว จะต้องมีผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย
หากดีเซลคือน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ต้นทุนสินค้าต่างๆ น่าสนใจว่าราคาดีเซลเหมาะสมควรอยู่ระดับใด น่าจะถึงเวลาที่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน เปิดโต๊ะหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังหรือไม่
เพื่อปิดฉากดีเซล 30 บาทต่อลิตร ที่ใช้กันมากว่า 10 ปี พร้อมกำหนดกรอบดีเซลใหม่ที่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และมีรีวิวต้นทุนร่วมกันต่อเนื่อง
เพื่อจบวงจร “ดีเซลขยับ ขนส่ง-สินค้าจ่อขึ้นราคา” ทุกที
