เช้านี้ทองคำร่วงหนัก เปิดตลาดลด 450 บาท หลังนักลงทุนวิตกเฟดคงดบ.เทขายทำกำไร
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายทองคำตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ว่า ทันทีที่เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.03 น. ปรับลดลงหนักมากจากเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ที่ระดับ 450 บาท ที่วันก่อนหน้าในช่วงระหว่างวันมีการประกาศราคาทองคำทั้งหมด 5 รอบ รวมราคาปรับเพิ่มขึ้น 50 บาท สู่บริเวณ 41,550 บาท
และต่อมาปรับลดลงอีก 2 รอบในเวลา 09.11 และ 09.51 โดยปรับลงครั้ง ละ 50 บาท รวม 3 ครั้งในช่วงเช้าราคาทองคำปรับลดลงแล้ว 550 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งล่าสุดขายออกบาทละ 41,000 บาทต่อบาททองคำ และราคาทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 41,500 บาทต่อบาททองคำ
และต่อมาเมื่อเวลา 10.10 น. ราคาทองได้ปรับอีกรอบโดยรอบนี้ปรับขึ้นมา 50 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 41,050 บาท และทองรูปพรรณขายออกที่ 41,550 บาท ทำให้ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงหลังเปิดตลาดราคาทองคำลดลง 500 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้ยังได้มีการเปิดเผยบทวิเคราะห์ของว่า ราคาทองคํา Spot ร่วงหนักหลุดระดับ 2,400 ดอลลาร์ เนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร และจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลงหนักกว่า 40 ดอลลาร์ หลุดระดับ 2,400 ดอลลาร์ สู่บริเวณ 2,373 ดอลลาร์ในเช้านี้ โดยตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไรหลังจากราคาปรับตัวขึ้นร้อนแรงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการ FOMC ของเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค. ที่ผ่านมาระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐ และไม่มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงมากพอที่จะทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้หรือไม่
รายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในคืนวันนี้ ติตดามการเปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขคาดการณ์จะลดลง 1,000 ราย สู่บริเวณ 221,000 ราย หลังจากสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้นเกินคาดสู่บริเวณ 222,000 ราย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค. และ ภาคการบริการประจำเดือนพ.ค. ตัวเลขคาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 50.1 และ 51.5 ตามลำดับ จากเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 50.0 และ 51.3 ตามลำดับ และ ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. ตัวเลขคาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 674,000 ยูนิต จากเดือนมี.ค. ที่เพิ่มขึ้น 693,000 ยูนิต
