ตลท.เผยดัชนีหุ้นไทยพุ่งแรงติดอันดับ 2 ของโลก แนะจับตาสถานการณ์ต่างประเทศ ด้านบลจ.วรรณชี้ฝรั่งชอบกลุ่มพลังงาน

ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในระหว่างกล่าวปาฐกถาพิเศษ”เศรษฐกิจและการลงทุนตลาดหุ้นไทย ในแนวโน้มเงินทุนไหลออก” ในงานสัมมนาส่งการเมืองเศรษฐกิจพิชิตการลงทุนปี 60 จัดโดย บลจ.วรรณ ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าและไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างผันผวน โดยมีปัจจัยหลักจากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยและภัยธรรมชาติในประเทศเป็นหลัก โดยเงินทุนต่างชาติไหลออกอย่างมากในช่วงปี 2556 – 2558 พบว่าเงินทุนต่าชาติไหลออกไปถึง 4 แสนล้านบาท แต่ในปี 2559 เงินทุนต่างชาติกลับไหลเข้าถึง 7.8 หมื่นล้านบาท เพราะสถานการณ์ภายในประเทศนิ่งและมีเสถียรภาพ มีโรดแมปเรื่องการเลือกตั้งที่ชัดเจน จนทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นถึง 20% สูงที่สุดในอาเซียนและสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก

ขณะที่ปี 2560 เงินทุนต่างประเทศเริ่มไหลเข้าสุทธิอีกครั้งประมาณ 5,500 ล้านบาท สิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามคือสถานการณ์ต่างประเทศเป็นหลัก เพราะสถานการณ์ในประเทศยังคงมีเสถียรภาพ เงินสำรองระหว่างประเทศยังมีอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ระยะสั้นถึง 4 เท่า หนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับไม่สูงฐานะการเงินของไทยถือว่าดี แม้ในช่วงนี้จะรู้สึกฝืดเคืองบ้างแต่เงินในกระเป๋ายังมี สำหรับการเตรียมปรับลดภาษีของสหรัฐนั้นตามปกติแล้วจะหนุนให้กำไรบริษัทจดทะเบียนปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นไปรับข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการไปลงทุนในต่างประเทศช่วงนี้จะต้องพิจารณาเรื่องระดับราคาที่เหมาะสมและต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพราะยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น แนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนรวมซึ่งมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ว่าในปีนี้เงินทุนต่างประเทศจะไหลออกบ้างจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประมาณ 2-3 ครั้งในปีนี้ โดยมองดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,500-1.680 จุด กำไรสุทธิต่อหุ้นเฉลี่ย(อีพีเอส) อยู่ที่ 107-108 บาทต่อหุ้น และระดับพีอีอยู่ที่ 15.5-15.6 เท่า ส่วนหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศสนใจ คือ หุ้นกลุ่มพลังงานที่จะหนุนให้หุ้นไทยไปต่อได้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52-53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาในปี2560 คือ ปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้โดยเฉพาะการลดภาษีกรณีที่ลดภาษีจะทำให้สภาพคล่องสูงขึ้นเงินเฟ้อจะตามมา หนุนให้ดอกเบี้ยขึ้นและทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน การออกกมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งหากสหรัฐเริ่มการกีดกันทางการค้ากับจีน ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกไปยังจีน 10% และสหรัฐอเมริกา 10% จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน

Advertisement

ดังนั้น แนวทางการลงทุนสำหรับนักลงทุนในปีนี้ ยังคงต้องเน้นการจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงรองรับความผันผวนมากขึ้น โดยควรรกระจายไปลงทุนที่ต่างประเทศและตราสารหนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image