น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญสมาคมโรงสีข้าวไทยและธนาคารต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการค้าข้าว มาหารือและออกแนวทางในการสนับสนุนสินเชื่อให้กับโรงสี หลังจากกลุ่มโรงสีขอให้กระทรวงพาณิชย์ประสานธนาคารพิจารณาการปล่อยสินเชื่อให้กับโรงสี เพื่อนำเงินมาเป็นทุนหมุนเวียนในการซื้อข้าวจากชาวนาหรือยื่นประมูลซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาล
“ล่าสุดธนาคารกรุงไทยได้อนุมัติวงเงินกู้จำนวน 5 พันล้านบาท ให้กับกลุ่มโรงสีและผู้ส่งออกข้าว จึงไม่น่าจะมีผลกระทบการประมูลข้าวรัฐที่จะเปิดประมูลในสัปดาห์นี้ และเชื่อว่าทำให้การเปิดระบายข้าวครั้งนี้ได้รับความสนใจ สามารถระบายข้าวออกได้จำนวนมาก” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว และว่า กรมการค้าต่างประเทศจะเปิดให้ยื่นซองประมูลข้าว 2.8 ล้านตัน รูปแบบประมูลทั่วไป ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมการตลาดเพื่อดูแลราคาข้าวเปลือกนาปรัง ฤดูกาลผลิตปี 2560 ที่จะเริ่มเก็บเกี่ยวปลายเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งในแง่ความต้องการของตลาด คาดว่าไม่เกิน 4 ล้านตันข้าวเปลือก จึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์หาตลาดนำเข้าใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดนิยมบริโภคข้าวขาว เช่น แอฟริกา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อิหร่าน และอิรัก พร้อมกับเตรียมแผนการตลาดดูแลราคาข้าวนาปี 2560/61 ในช่วงปลายปีด้วย ที่เบื้องต้นคาดผลผลิตออกสู่ตลาด 27-29 ล้านตันข้าวเปลือก ในแผน อาทิ เชื่อมโยงตลาดค้าข้าว จัดหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป เป็นต้น
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ธนาคารปล่อยเงินกู้อีก 5 พันล้านบาทนั้นกลุ่มธุรกิจโรงสีไม่ได้ประโยชน์ เพราะเป็นการอนุมัติให้กับกลุ่มผู้ส่งออกเป็นหลัก ถึงขณะนี้ธนาคารคงเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อให้โรงสี และมากกว่า 50% เป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย ซึ่งได้ขอให้ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อปกติสำหรับลูกค้าชั้นดี ส่วนลูกค้าที่มีหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) อยากให้มีมาตรการช่วยเหลือ โดยปรับโครงสร้างหนี้หรือมาตรการอื่นเพื่อประคับประคอง
“ที่ผ่านมาโรงสีบางแห่งประสบปัญหาสภาพคล่องจากราคาข้าวผันผวน ทำให้ขาดทุน แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่เจอปัญหาเพราะขณะนี้ธนาคารยังเข้มงวดกับลูกค้าปกติด้วย เมื่อขอสินเชื่อเพิ่มกลับไม่ได้รับการอนุมัติ หรือลดวงเงินสินเชื่อ เหลือ 60-70% เท่านั้น” นายเกรียงศักดิ์กล่าว
