7 สมาคมอสังหา พบนายกฯ เช็กอัพมาตรการกระตุ้น วอนแบงก์ชาติปลด LTV

7 สมาคมอสังหา พบนายกฯ เช็กอัพมาตรการกระตุ้น วอนแบงก์ชาติปลด LTV

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า วันนี้ (31 พ.ค.) ทาง 7 สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์, สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้เข้าพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออัพเดตผลตอบรับจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มีการบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา

นายอิสระกล่าวว่า โดยได้รายงานว่ายังไม่เห็นผลมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งไตรมาสแรกปี 2567 ที่ผ่านมา ทั้งยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยและโอนกรรมสิทธิ์ลดลงอย่างมาก คงต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ทราบสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดีว่าไม่ดีจริงๆ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นออกมาแล้วก็ตาม เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่อาจจะยังล่าช้า และต้องมาผลักดันกันต่อ

นายอิสระกล่าวว่า อย่างเช่น การขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายมาตรการ LTV การผ่อนเกณฑ์อนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐให้อนุมัติโดยง่าย เพื่อแก้ปัญหารีเจ็กต์เรต ที่ยังคงมีมากกว่า 30% ในกลุ่มระดับราคาต่ำ 3 ล้านบาท การทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ เช่น ขยายเวลาการเช่าจาก 30 ปี เป็น 60 ปี โดยกำหนดการเช่าให้เป็นทรัพยสิทธิ ขยายโควต้าซื้อคอนโดมิเนียมจาก 49% ของพื้นที่โครงการ เป็นต้น ขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เสนอขอให้เก็บเป็นขั้นบันได เช่น ลด 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี คงทำได้ยาก เพราะกระทบต่อรายได้รัฐ ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บรายได้จากภาษีต่างๆ ได้น้อยลง

ADVERTISMENT

“ท่านนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยที่จะให้ขยายเวลาเช่า เพราะกฎหมายมีอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ไม่มีการใช้สิทธิ ส่วนเรื่องอื่นๆ คงต้องหารือร่วมกับแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังต่อไป โดยเฉพาะผ่อนเกณฑ์ LTV ซึ่งจากตัวเลขการโอนฯและขอสินเชื่อที่ปรับตัวลดลงน่าจะเป็นตัวสะท้อนอย่างดีและสวนทางกับที่แบงก์ชาติเคยบอกว่าการโอนและปล่อยสินเชื่อยังดีอยู่ ซึ่งการปลดล็อกเงื่อนไขของอสังหาฯไม่ใช่แค่ช่วยตลาดให้ฟื้นตัว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและจีดีพีของประเทศให้เติบโตได้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ” นายอิสระกล่าว

นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเครื่องยนต์หนึ่งกระตุ้นจีดีพีของประเทศได้ โดยเฉพาะกำลังซื้อต่างชาติที่มาทำงาน หรือต้องการซื้อบ้านหลังที่สองในประเทศไทย โดยขยายโควต้าซื้อคอนโดมิเนียมจาก 49% และขอให้ ธปท.ผ่อนคลาย LTV ให้ในปี 2567-2568 ให้สามารถกู้ได้ 100% เพื่อกระตุ้นการซื้อบ้านหลังที่ 2 และหลังที่ 3 รวมถึงกระตุ้นซัพพลายที่คงค้างในตลาดให้ลดลง เนื่องจากปัจจุบันคนซื้อบ้านหลังแรกน้อยลง เพราะส่วนใหญ่ทำอาชีพอิสระ จบใหม่ ทำให้ติดปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่าน ขณะที่ดีมานด์การซื้อบ้านหลังที่ 2 ยังคงมีอยู่ คิดเป็นสัดส่วน 50% ของตลาด แต่ติดเรื่องสิทธิการกู้ที่แบงก์ให้แค่ 70-80% ส่วนการซื้อเพื่อเก็งกำไรไม่มีแล้ว ตอนนี้ส่วนใหญ่ซื้อเพราะครอบครัวขยาย และต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานและโรงเรียนลูก และอยากขอให้มีการทบทวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในภาคครัวเรือนลงอีก เช่น ดอกเบี้ยบ้าน

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image