เงินบาทแข็งค่าใกล้ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

แฟ้มภาพ

“เงินบาทแข็งค่าใกล้ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวกรอบแคบก่อนขยับขึ้นปลายสัปดาห์จากความหวังมาตรการปฏิรูปภาษีของทรัมป์”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะอ่อนค่ากลับมาในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทแข็งค่าตามสัญญาณของเงินทุนไหลเข้า และการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระยะใกล้ๆ นี้ อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นไปในกรอบที่จำกัด ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ของตลาดว่า อาจมีการเข้าดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทจากทางการ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐเตรียมที่จะประกาศแผนปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ภายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

สำหรับในวันศุกร์ (10 ก.พ.) เงินบาทอยู่ที่ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าต่อเนื่องจากระดับ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ก.พ.)

0-baht

Advertisement

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตาสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือน ธ.ค. ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ม.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และเฟดสาขานิวยอร์กเดือน ก.พ. นอกจากนี้ นักลงทุนอาจรอติดตามตัวเลขจีดีพีของยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษด้วยเช่นกัน

ส่วนดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวสลับขึ้นลงจากแรงซื้อขายทางเทคนิค โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,585.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.14% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้น 8.40% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 54,972.26 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 636.67 จุด ลดลง 0.78% จากสัปดาห์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ โดยมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในหุ้นขนาดใหญ่ ก่อนที่จะปรับลดลงในวันอังคารจากแรงขายทางเทคนิค จากนั้น ตลาดหุ้นปรับขึ้นต่อในวันพุธ โดยมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการของหุ้นโทรคมนาคม แต่ดัชนีก็ปรับลดลงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี ตามแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน จากนั้น ตลาดปรับขึ้นในวันศุกร์ ตามตลาดต่างประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อแผนการปฏิรูปภาษีภาคธุรกิจของประธานาธิบดี ทรัมป์

Advertisement

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,570 และ 1,555 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,595 และ 1,610 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/59 ของเยอรมนีและยูโรโซน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image