ภูมิธรรม เดินหน้าประมูลข้าว10 ปี รอดูมีคนสนใจแค่ไหน รายเดียวก็ขายได้ มีราคากลางใช้ต่อรอง ขณะที่ราคาผลปาล์มรวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆดีขึ้นแล้ว ตั้ง “ธรรมนัส”ดูแลในพื้นที่
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประมูลข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลซึ่งวันที่ 10 มิถุนายนนี้ จะมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นซองขอตรวจสอบคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูลว่า คิดว่าข้าวที่นำมาประมูลในครั้งนี้ตั้งแต่มีการตรวจคุณภาพ มีความเข้าใจในเรื่องนี้มีมากขึ้นแล้ว ทุกคนมีความสบายใจที่จะประมูล แต่มีบางคนที่ยังตั้งคำถามมีความสงสัยแบบไม่จบ ทำให้มีความหวั่นไหวไปบ้าง
แต่ตนขอยืนยันไปยังผู้ประกอบการข้าวทุกคนว่า ข้าวที่กระทรวงขายเป็นข้าวที่มีคุณภาพ สามารถรับประทานได้ ทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศเจริญแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนา คิดว่าได้มีการพูดคุยถึงสิ่งดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้วสำหรับการประมูล หากเชื่อมั่นในสิ่งต่างๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
โดยยอมรับว่ากังวลใจกับการท้วงติงที่พูดแบบไม่ยอมจบดราม่าไปเรื่อยวันนี้จะเป็นปัญหา จะทำให้ไม่มาเข้าร่วมประมูลได้ตามที่คาด ปกติเข้าไทยตอนนี้คุณภาพดีขึ้น ต้องดูว่าผู้ประมูลจะมาเท่าไหร่อย่างไร ซึ่งผู้ประมูลเขาต้องมีตลาดอยู่แล้ว คิดจะเอาไปทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นพลังงานหรือไปผลิตอื่นๆ เขาต้องคิดมาแล้ว เชื่อว่าจะมีคนมาประมูล แต่หากไม่มีก็จะต้องขอดูความเป็นจริงอีกครั้ง เป็นไปได้ที่จะอาจขยายเวลาออกไปทำความเข้าใจให้มากขึ้น หรือหากมีผู้ประมูลน้อยราย หรือ 1 ราย ก็จะต้องมาดูข้อกฎหมายว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง มีหลายวิธีขอดูความเป็นจริงก่อน เพื่อทำให้เกิดการประมูลให้ได้ หากมีผู้ประมูลรายเดียวก็จะเปิดซอง เจรจาต่อรองราคา เพราะทางคณะกรรมการที่มีการตั้งไว้ มีราคากลางอยู่ในใจว่าข้าวคุณภาพเท่านี้จะได้ราคาเท่าไหร่ในภาวะที่ข้าวกำลังดี แต่ขอดูสถานการณ์วันที่มีการยื่นประมูลก่อน
หากมีรายเดียวเราก็มีอำนาจในการต่อรองราคาว่าเราจะยอมหรือไม่ยอม ในการขายก็ได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการว่าถ้าราคาข้าวนานขนาดนี้ ราคาประมาณนี้ ถ้ารับได้ก็อาจตัดสินใจขาย เพราะเราทำทุกอย่างอย่างโปร่งใสแล้วมีทุกอย่างตรวจสอบได้
ยืนยันว่าการประมูลข้าวในครั้งนี้ไม่กระทบกับราคาข้าวในตลาด เพราะเป็นเข้าคนละส่วนกัน ราคาข้าวในตลาดขึ้นอยู่กับระบบอุปสงค์และอุปทาน และข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพตลาดไหนก็มีความต้องการ ข้าวที่เรานำมาประมูลในครั้งนี้มีเพียง 15,000 ตัน และชัดเจนว่าประมูลล็อตนี้ออกไปจะไปอยู่ที่ไหน ปริมาณข้าวในประเทศทั้งหมดเรามีหลายล้านตันไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น
สำหรับสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรอื่นเวลานี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรื่องปาล์มสืบเนื่องจากการได้รับผลกระทบมาจากสถานการณ์ภัยแล้งทำให้ปริมาณ ผลผลิตน้อยลง แต่เป็นเพียงช่วงสั้นเวลานี้ฝนเริ่มตกแล้วทำให้ผลผลิตเริ่มมีมากขึ้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติได้มีการติดตามสถานการณ์ในส่วนของปัญหาภัยแล้งและมีการกำหนดมาตรการรองรับ ก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดราคารับซื้อเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด ไม่ให้มีการกดราคาของเกษตรกร ซึ่งเวลานี้ราคาผลปาล์มมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.70 บาทแล้ว โดยผู้ประกอบการจะต้องมีการส่งรายงานสถานการณ์มายังกระทรวงพาณิชย์เป็นประจำทุกวัน
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณามาตรการในระยะยาวดูในเรื่องของการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของการดูแลพัฒนาคุณภาพการผลิต สอดรับกับในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องดูแลในเรื่องของปริมาณการผลิต โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติได้มีการแต่งตั้งให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ดูแลในพื้นที่ประสานงานกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปได้ แต่หากประชาชนได้รับผลกระทบจากการรับซื้อที่ไม่เป็นธรรมสามารถร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้เข้าตรวจสอบได้