ร้านอาหารจานด่วน จ่อขึ้นราคา หลังก๊าซหุงต้มส่งสัญญาณหมดตรึงราคา ก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน แหล่งข่าวจากสมาคมร้านอาหาร เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการร้านค้า ได้แจ้งว่า ได้รับการบอกกล่าวจากร้านค้าจำหน่ายก๊าซหุงต้ม (LPG) ว่า จะเริ่มมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มในเดือนกรกฎาคม 2567 ด้วยมาตรการตรึงราคา LPG ของภาครัฐจะสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2567 อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-20 บาทต่อถัง ซึ่งปัจจุบันราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ถังบรรจุ 15 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 423 บาท โดยเป็นราคาคงที่มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 408 บาท หรือปรับขึ้น 15 บาท
“หากต้นทุนราคาก๊าซหุงต้มสูงขึ้น ย่อมมีผลต่อร้านปรุงอาหาร อาจต้องมีการขยับราคาเมนูอาหารในระยะต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา หากต้นทุนหลัก เช่น วัตถุดิบปรุงอาหาร ก๊าซหุงต้ม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ปรับขึ้นตาม เมื่อมารวมกันก็จะส่งผลให้ร้านอาหารอาจต้องปรับราคาขาย จากนั้น ช้าสุดไม่เกิน 30 วัน ซึ่งตอนนี้เราเริ่มเห็นร้านค้าอาหารและเครื่องดื่มทั่วไป ปิดป้ายขอปรับราคาอีก 1-5 บาทต่อเมนู ขึ้นกับชนิดอาหาร ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เพราะที่ผ่านมาวัตถุดิบประกอบอาหารในช่วง 6-8 เดือนที่ผ่านมา มีการทยอยปรับราคามาแล้ว 2-3 รอบ และบางส่วนใช้การลดปริมาณบรรจุ ขายราคาเดิม แต่เมื่อจะปรับราคาอีกครั้ง ก็ยังไม่เพิ่มปริมาณบรรจุ ทำให้ผู้ค้าเจอ 2 เด้งจากปริมาณของน้อยลงและราคาจ่ายสูงขึ้น ซึ่งการจะผลักภาระให้ผู้ซื้อทั้งหมด ทำได้ยาก เพราะประชาชนก็เจอปัญหาเงินในกระเป๋ารายได้เท่าเดิมแต่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น การควักใช้จ่าย หรือกินข้าวนอกบ้านจะไม่ค่อยคึกคักเหมือนในช่วงหลังโควิดคลี่คลายใหม่ๆ” แหล่งข่าวกล่าว
นางกาญจนา เจ้าของร้านอาหารในย่านจรัญสนิทวงศ์ กล่าวยืนยันว่า ได้รับแจ้งจากร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้ม การสั่งซื้อในเดือนกรกฎาคมจะมีการปรับขึ้นราคา เพราะยังไม่มีความชัดเจนที่รัฐบาลจะต่อการตรึงราคาก๊าซหุงต้มสำหรับใช้ในครัวเรือนและร้านค้า ซึ่งหากมีการขึ้นค่าก๊าซหุงต้ม และต้นทุนวัตถุดิบทั้งอาหารสด เครื่องปรุงรส และจำนวนลูกค้าไม่เพิ่มจากปัจจุบัน ก็มีแนวคิดจะขอปรับขึ้นราคาสำหรับเมนูทอด หรืออาหารตุ๋นซึ่งต้องใช้เวลาและก๊าซมากกว่าเมนูผัด
“ส่วนจะตักข้าว หรือกับข้าวราดลดลง คงทำไม่ได้เหมือนสินค้าบรรจุในหีบห่อ หากลดปริมาณย่อมสร้างความไม่พอใจและเสียลูกค้าไปเลย อาจต้องแจ้งลูกค้าไปตามตรง ส่วนการจะปรับราคาก็ยังไม่ชัดเจนว่าต้องเท่าไหร่ วันนี้การจะปรับราคาก็ได้แค่เมนูละ 1-2 บาทเท่านั้น จะปรับอย่างก่อน 3-5 บาทต่อเมนู ทำได้ยากขึ้น” นางกาญจนากล่าว