ผู้เขียน | วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม |
---|
หลังจากโควิด-19 คลายตัว ตลาดหุ้นไทยฟื้นกลับคืนมาถึงระดับ 1,700 จุดได้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ก่อนจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2566 จนถึงปัจจุบัน
จนดัชนีหุ้นไทยระดับต่ำสุดแตะ 1,288 จุด วันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา แม้วันที่ 24 มิถุนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะรวมพลังแถลงข่าวการขับเคลื่อนตลาดทุน
โดยประกาศปรับเกณฑ์กองทุนไทยอีเอสจี ซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เพิ่มเป็น 300,000 บาท แยกออกจากวงเงินลงทุนกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และปรับระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) จากเดิม 8 ปี คาดว่าจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.ได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยเฉพาะการซื้อขาย เน้นทั้งกระบวนการตั้งแต่ก่อนเข้าจดทะเบียน หลังเข้ามาจดทะเบียน การซื้อขาย และยกระดับฟ้องร้องให้เร็วขึ้น เมื่อกระบวนการฟ้องร้องจบแล้ว ก็มีการเพิกถอนออกจากตลาดด้วย
แต่ไม่แน่ใจว่าตลาดอาจตื่นเต้นกับความเข้มข้นในการประกาศมาตรการออกมา ทำให้หลังจากการประกาศสิ่งที่จะดำเนินการออกมา ดัชนีหุ้นตอบรับด้วยการปรับลดลงลึกกว่าเดิม
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุ ระยะต่อไปจะแก้กฎหมายเพื่อกำกับดูแลชอร์ตเซลตลอดสาย เพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ในฐานะเลขาฯ ก.ล.ต.อยากให้ความมั่นใจ เรามีหน้าที่กำกับ ไม่ปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล แต่หน้าที่ของเราก็ไม่ให้กฎหมายเหล่านี้เป็นอุปสรรค อยากให้รอดูมาตรการเหล่านี้เมื่อมีผลบังคับใช้ ต้องได้ผลระดับหนึ่ง สำนักงานพร้อมที่จะปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนไป
รอดูว่ามาตรการล้อมคอกที่ออกมา จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่น ขับเคลื่อนหุ้นไทยไปได้ไกลสักเท่าใด