ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เริ่มชัด เลือก’ฉลองรัฐ-บูรพาวิถี’เปิดขายไตรมาส 2 เน้นรายย่อยแบบ Small Lot First ไม่ประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ

ที่โรงแรมดุสิตธานี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวในระหว่างร่วมงานสัมมนาเรื่อง “จับทิศทางการลงทุนสู่ไทยแลนด์ 4.0” จัดโดยธนาคารกรุงเทพ ว่า ขณะนี้คณะกรรมการการลงทุนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้คัดเลือกโครงการที่จะนำเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) แล้ว คือ ทางด่วนฉลองรัฐ (รามอินทรา-อาจณรงค์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้นจะสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์จากนักลงทุนสถาบันเพื่อกำหนดราคาขาย ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดขนาดกองทุนที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งเป็นตัวกำหนดอัตราผลตอบแทนการลงทุนได้

ทั้งนี้ เบื้องต้นกองทุนแรกนี้จะไม่รับประกันอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ เพราะสินทรัพย์ที่นำเข้ากองทุนเป็นโครงการที่สร้างเสร็จและมีรายได้แล้ว (Brownfield Project) อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกได้ภายในไตรมาสที่ 2 โดยจะใช้หลักให้ผู้จองซื้อจำนวนน้อยได้สิทธิในการจองซื้อก่อน (Small Lot First) เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยได้มีสิทธิถือครองหน่วยลงทุน จากนั้นจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปก่อสร้างเส้นทางใหม่คือ พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเมื่อภาครัฐนำสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม กองทุนดังกล่าวจะต้องเพิ่มทุนเพื่อให้ภาครัฐมีเงินไปลงทุนโครงการใหม่ โดยคาดว่าสินทรัพย์ที่ภาครัฐจะเสนอขายคือ ทางด่วนพิเศษหมายเลข 7 และหมายเลข 9

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า หากผลตอบแทนกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์อยู่ที่ 7-8% ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้ยังอยู่ระดับต่ำ แม้ตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทขอศึกษารายละเอียดกองทุนและความเสี่ยงของกองทุนก่อน เช่น รายได้ที่มาจากผู้ใช้บริการ และกระแสเงินสด เพื่อประเมินผลตอบแทนในอนาคต แต่จากการเลือกเส้นทางที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะทำให้เส้นทางดังกล่าวจะมีรถยนต์เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่งผลให้กองทุนมีรายได้สม่ำเสมอและสร้างผลตอบแทนอย่างที่นักลงทุนคาดหวังได้

Advertisement

ความที่จะจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนด้วย แต่อย่างไรก็ตามเบื้องต้นมองว่า โครงการที่เข้ามาอยู่ในกองทุนดังกล่าว ก็เป็นเส้นทางดังกล่าวมีรถยนต์มาใช้บริการเพิ่มขึ้นและเส้นมอเตอร์เวย์มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น รวมถึงเส้นบูรพาวิถีที่ขยายไปเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งได้ทั่วประเทศ น่าจะมีกระแสรายได้ที่สามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ลงทุนได้ตามที่คาดหวัง

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติยังมียอดซื้อหุ้นและตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติต่อนโยบายภาครัฐ หากเร่งผลักดันการลงทุนสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้ตามเป้าหมาย น่าจะเห็นจีดีพีเติบโต 4% ตามที่รัฐบาลคาดหวังจากในตลาดคาดว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโต 3.2-3.3%

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันในสังคมมากขึ้น ช่วยให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น เพราะการผลักดันในเรื่องดังกล่าวไม่เพียงต้องการการลงทุนต่างชาติอย่างเดียว แต่สะท้อนถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย

Advertisement

ทั้งนี้ยังต้องติดตามการลงทุนภาครัฐกำลังเร่งผลักดัน หากมีความชัดเจนเชื่อว่าการลงทุนเอกชนจะตามมาด้วย ทางสถาบันการเงินพร้อมเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ทั้งสินเชื่อและบริการกับภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้มีสภาพคล่องในตลาดจำนวนมาก และสถาบันการเงินยังต้องระมัดระวังแนวโน้มหนี้เสีย เพราะยังมีความผันผวนอยู่ ซึ่งสถาบันการเงินยังคงติดตามอย่างใกล้ชิดในการอนุมัติสินเชื่อ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image