จ่อชงกบน.ขึ้นดีเซลกรอบ 1 บ./ลิตร งบกลาง67ไม่พอ-คลังไม่ลดภาษี
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า ความคืบหน้าการกำหนดราคาดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 สิหาคมเป็นต้นไปภายหลังครบกำหนดกรอบราคาไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดตรึงตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2567 ครบกำหนด 31 กรกฎาคม 2567 นั้น เบื้องต้นมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะมีการพิจารณาแนวทางการปรับขึ้นราคาดีเซลแบบทยอยขึ้นกรอบ 1 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาปลายทางระดับไม่เกิน 34 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันฐานะ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 ติดลบ 111,595 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บัญชีน้ำมันติดลบ 63,944 ล้านบาท
- บัญชีแอลพีจีติดลบ 47,651 ล้านบาท
รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง ช่วงเดือนที่ผ่านมาแนวโน้มลดลงบ้างจนกองทุนน้ำมันฯลดอุดหนุนระดับ 4 บาทต่อลิตร จนสามารถเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯสำเร็จ แต่ขณะนี้แนวโน้มกลับมาขึ้นอีกครั้ง ทำให้กองทุนน้ำมันฯต้องอุดหนุนกว่า 2 บาทต่อลิตร สถานการณ์ดังกล่าวหากไม่ปรับราคาหลังวันที่ 31 กรกฎาคม อาจทำให้กองทุนน้ำมันฯ สถานการณ์ยิ่งแย่
รายงานข่าวระบุว่า ก่อนจะพิจารณาแนวทางปรับราคา ตลอดจนเดือนมิถุนายนจนถึงปัจจุบันได้พยายามดำเนินการอีก 2 แนวทางเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีก แต่ด้วยสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ พบว่าไม่น่าจะดำเนินการได้ ประกอบด้วย
- การส่งหนังสือถึงสำนักงบประมาณ เพื่อขอใช้งบกลางปี 2567 วงเงิน 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ดีเซล 6,000 ล้านบาท และแอลพีจี 500 ล้านบาท เป็นตามที่ครม.อนุมัติไว้ภายใต้เงื่อนไขให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯดูแลราคาน้ำมันและแอลพีจีก่อน แต่เบื้องต้นได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการว่างบกลางฯ มีจำกัด อาจไม่สามารถนำมาดูแลราคาดีเซลและแอลพีจีได้
- การเสนอกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลลงในอัตราที่เหมาะสม เบื้องต้นจากท่าทีของกระทรวงการคลังไม่ตอบรับการลดภาษีดังกล่าว เพราะจำเป็นต้องจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด