‘เผ่าภูมิ’ ยกเหตุผลลดงบดิจิทัลวอลเล็ต แต่ประเมินผลต่อจีดีพีคงเดิม พร้อมเร่งหาทางเยียวยา ถอนใบอนุญาตสินมั่นคง
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาหากระบวนการจัดการ ซึ่งคาดว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจน ภายใน 2-3 เดือนนี้ โดยเป็นกระบวนการที่จะช่วยเร่งให้มีการจ่ายชดเชยเบี้ยประกันได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องของธุรกิจประกัน เกิดมาจากการกระหน่ำของโรคโควิด ทำให้อุตสาหกรรมประกันได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ปรับลดวงเงินโครงการเหลือ 4.5 แสนล้านบาทนั้น เกิดจากการประเมินตัวเลขจากหลายโครงการก่อนหน้านี้ของรัฐบาล ที่ว่าปกติแล้วประชาชนไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิกันเต็ม 100% ของกลุ่มเป้าหมาย อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ชิมช้อปใช้ ก็มีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการที่ประมาณกว่า 80% เท่านั้น
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ก็มีหน่วยงานเศรษฐกิจชี้แนะมาว่า ไม่ควรตั้งงบประมาณที่มากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาด้านอื่นๆ ดังนั้น คณะอนุกรรมการจึงทำการประเมินตามข้อเท็จจริง และทำเป็นข้อเสนอกรอบแหล่งเงินที่ 4.5 แสนล้านบาท
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด ที่จะต้องทำให้มีผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากที่สุด เช่น การเพิ่มเติมห้ามซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์สื่อสาร เนื่องจากต้องการให้เม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศมากขึ้น เพราะสินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนที่มาจากการนำเข้าสูง เป็นต้น
“ตัวเลขคนที่เข้ามาร่วมโครงการ 80-90% นั้น เป็นตัวเลขที่อยู่ในฐานการประมาณการอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการประมาณตามความเป็นจริง เพียงการลดกรอบวงเงินนั่นเพื่อไม่ให้เป็นการตั้งงบประมาณเกินความจำเป็น และไม่ให้เสียโอกาสของประเทศ แต่ถ้ามีคนลงทะเบียนเกิน เราก็ยังปรับเงื่อนไขเพิ่มตามไปได้” นายเผ่าภูมิกล่าว
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยังคงประมาณการผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามเดิม ที่ 1.3-1.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) เนื่องจากสมมุติฐานก็อยู่ที่ผู้เข้าร่วมโครงการ 80-90% ของกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว