ปิดตำนานข้าว 10 ปี ‘ทรัพย์แสงทอง ไรซ์’ คว้าข้าวสต็อกรัฐ 1.1 หมื่นตัน ‘สหธัญ’ กว่า 3 พันตัน

พณ.แย้ม ‘ทรัพย์แสงทอง ไรซ์’ คว้าข้าวสต็อกรัฐ 1.1 หมื่นตัน ‘สหธัญ’ กว่า 3 พันตัน ปิดตำนานข้าว 10 ปี ‘ภูมิธรรม’ เตรียมยกเครื่องอคส. ครั้งใหญ่

แหล่งข่าวจากพาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้าระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลคงค้าง 10 ปี ว่า หลังการต่อรองกับบริษัทผ่านคุณสมบัติและเสนอซื้อข้่งในราคาสูงอันดับถัดมา โดยได้ บริษัททรัพย์แสงทอง ไรซ์ จำกัด จ.สุพรรณบุรี ให้ราคาเพิ่มทั้ง 2 คลังกว่า 15,000 ตัน จากเคยยื่นไว้เฉลี่ย 12-15 บาท/กก. เพิ่มเป็นประมาณ 18 บาท/กก. คิดเป็นมูลค่าประมาณ 244 ล้านบาท แม้ต่ำกว่า บริษัท วี เอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่เสนอราคา 19.07 บาท/กก. แต่บริษัทมีความน่าเชื่อถืออยู่ยาวนานมั่นคง จึงแจ้งให้บริษัททราบผลวันนี้

ทั้งนี้ ผลการต่อรองราคาข้าวสารค้างเก่า 10 ปีกับบริษัทที่ไม่มีปัญหาด้านคุณสมบัติเสร็จสิ้นแล้ว โดยบริษัททรัพย์แสงทอง ไรซ์ จำกัด จ.สุพรรณบุรีได้เพิ่มราคาข้าวสารทั้ง 2 โกดังขึ้นจากเดิมเคยเสนอในช่วงยื่นซองประมูลราคาไว้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.เฉลี่ยอยู่ที่ 12-15 บาทต่อกก. เพิ่มเป็นเฉลี่ยกว่า 18 บาทต่อกก. เป็นยอดวงเงินรวมกว่า 244 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นราคาต่ำกว่ารายแรก คือ บริษัท วี เอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่ให้ราคาสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 19.07 บาทต่อ กก หรือเป็นวงเงินรวมกว่า 286 ล้านบาทก็ตาม

“คาดว่าภายในวันนี้(19 ก.ค.) องค์การคลังสินค้า(อคส.) จะออกหนังสือแจ้งบริษัทผู้ชนะประมูล และในวันที่ 23 ก.ค.67 ผู้ชนะประมูลเข้ามาทำสัญญาและวางหลักประกันสัญญา 5% (ภายใน 15 วัน) และระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-13 ก.ย.67 ชำระเงินและรับมอบข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวในครั้งนี้”

Advertisement

แหล่งข่าวระบุต่อว่า เรื่องนี้แม้ว่าผลการเจรจาออกมาว่าได้ผู้ชนะประมูลข้าวสารค้างเก่า 10 ปีได้เป็นที่เรียบร้อย แต่มีการพูดถึงและตั้งข้อสังเกตุของการทำงานของ อคส.ที่ทำงานล่าช้าและไม่เป็นที่น่าพอใจของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และในฐานะกำกับดูแล อคส.ด้วยตนเองอย่างมาก

โดยนับตั้งแต่ที่กระทรวงพาณิชย์มีแนวทางที่จะระบายข้าวสารสตอกค้างเก่านี้ และมอบหมายให้ อคส.ไปดำเนินตั้งแต่ประกาศเชิญชวนเอกชน ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นซองประมูลไปจนถึงการยื่นซองประมูล แต่เกิดความผิดพลาดขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติที่มีบริษัทเกี่ยวพันธคดีค้างเก่ากับ อคส.แต่สามารถเข้ามายื่นซองประมูลในครั้งนี้ได้ จึงทำให้เสียเวลาไปกับการตรวจสอบในเชิงลึกถือว่าการทำงานของ อคส.ไม่เป็นมืออาชีพอย่างมาก และเห็นว่าหลังจากกระบวนการเซ็นสัญญาขายข้าวในล็อตนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว คงจะมีการปรับองค์กรการทำงานของ อคส.ใหม่ และเร่งดำเนินการปรับองค์กร พร้อมกับการปรับโยกผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ในตำแหน่งที่วางอยู่ และแทนที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งนายภูมิธรรม ตั้งใจปรับให้เสร็จในเดือนสิงหาคมนี้

Advertisement

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้จัดเตรียมบุคคลที่มีความรู้และความสามารถสูงที่จะเข้ามานั่งเป็นคณะกรรมการบอร์ด อคส.ซึ่งจะมีบุคคลทั้งเก่าและใหม่ร่วมในคณะกรรมการในชุดใหม่นี้ด้วย รวมถึงจะเร่งหาบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.อีกด้วย

ซึ่งยอมรับว่าจากเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกค้างเก่านี้ ใช้เวลานานเกินไปและหากไม่ได้ผู้ชนะประมูลหลังจากการเจรจาต่อรองราคาแล้ว โดยเอกชนไม่ยอมปรับราคาให้สูง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะเปิดประมูลข้าวสารสต็อกนี้ใหม่ แต่เมื่อเอกชนยอมให้ราคาสูงขึ้นจากเดิมกระทรวงพาณิชย์ก็พอใจในราคาข้าวที่ทางผู้ชนะประมูลได้เสนอมา

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ล่าสุดคณะกรรมการต่อรองโดยองค์การคลังสินค้า(อคส.) เรียกผู้ประมูล 3 รายจาก 6 รายที่เสนอราคาประมูลข้าว 2 คลัง รวม 1.5 หมื่นตัน มาเจรจาต่อรองเพิ่มราคา ได้แก่

บริษัท สหธัญ บริษัททรัพย์แสงทองไรซ์ และบริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 ปรากฏว่าบริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ ให้ราคาสูงสุดในโกดังกิติตชัย ปริมาณข้าว 11,656 ตัน โดยเพิ่มราคาจาก 15.60 บาท/กก. เป็นกว่า 18 บาท/กก. หรือเพิ่มกว่ 3 บาทต่อกก. ส่วนบริษัท สหธัญ เสนอซื้อข้าวราคาสูงสุดในโกดังพูนผลเทรดดิ้ง ปริมาณ 3,356 ตันโดยให้ราคา 18.69 บาท/กก. ทำให้รัฐมีรายได้จากการประมูลครั้งนี้ 244 ล้านบาท

ทั้งนี้ องค์การคลังสินค้า( อคส.) จะออกหนังสือแจ้งบริษัทผู้ชนะประมูลภายในวันที่ 19 กรกฎาคม และกำหนดให้ผู้ชนะประมูลเข้ามาทำสัญญาและวางหลักประกันสัญญา 5% (ภายใน 15 วัน) ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ โดยช่วงวันที่ 15 สิงหาคมถึง 13 กันยายน 2567 ผู้ชนะต้องชำระเงินและรับมอบข้าวตามสัญญาซื้อขาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image