ด้วยภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมโลกยุคใหม่ ทำให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ มีแผนงานรัดกุม พร้อมเพิ่มโอกาสธุรกิจด้วยการเข้ารับการช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐที่กระจายในแต่ละกรมกอง
โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เป็นอีกหน่วยงานหลักของรัฐบาลในการดูแลเอสเอ็มอี
ภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ให้ข้อมูลว่า ปี 2567 ดีพร้อมตั้งเป้าบูรณาการความร่วมมือผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและนอกประเทศได้กว่า 20 หน่วยงาน
อีกทั้ง มีแผนขยายเครือข่ายความร่วมมือเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต เพื่อทำให้การบริการของดีพร้อมมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ
ตลอดจน ต่อยอดการให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมให้ครอบคลุมทุกมิติ สร้างความแตกต่างให้เอสเอ็มอีนึกถึงดีพร้อมเป็นลำดับแรก คาดจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเบื้องต้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท
“โลกในยุคปัจจุบันดีพร้อมไม่สามารถขับเคลื่อนการทำงานเพียงผู้เดียวได้” อธิบดีภาสกรระบุ
แผนงานดังกล่าวดำเนินการภายใต้นโยบาย RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ชูกลยุทธ์ปรับเพิ่มการเข้าถึงโอกาสผ่านการขยายเครือข่ายความร่วมมือ (DIPROM CONNECTION) โดยเร่งเดินหน้าสร้างความร่วมมือและบูรณาการกับองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น
รวมถึงยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งเสริมการลงทุน การเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการร่วมกันดำเนินโครงการ และกิจกรรมสำคัญต่างๆ
โดยปีนี้ ดีพร้อมได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ไปแล้วกว่า 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย
1.บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผ่านโครงการ “ติดปีกธุรกิจ พิชิตโอกาส เชื่อมตลาด สู่ความสำเร็จ” เพื่อเสริมแกร่งชุมชน-วิสาหกิจไทย ยกระดับสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ สนับสนุนสิทธิประโยชน์ส่วนลดพิเศษในการขนและขายสินค้าชุมชนไทยผ่านระบบออนไลน์ และออฟไลน์ ณ ที่ทำไปรษณีย์ไทยและเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศกว่า 50,000 แห่ง
2.สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ผ่านโครงการ “ติดปีกเกษตรกร ด้วยเกษตรอุตสาหกรรม” กับเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพการแปรรูป เพิ่มผลิตภาพให้กับพืชเศรษฐกิจและผลไม้ พร้อมยกระดับสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้โดยเน้น โกโก้ ไผ่ สมุนไพร ชีวมวล ในระยะแรก และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมการนำวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาใช้เป็นพลังงานทดแทน
และอีก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ผ่านโครงการ “ติดปีก เอสเอ็มอี หลักทรัพย์ไม่มีดีพร้อมค้ำประกันให้” เพื่อให้ผู้ประกอบการยื่นเรื่องผ่าน ดีพร้อมเพื่อพิจารณาการค้ำประกันและส่งต่อให้กับทางสถาบัน โดยจะพิจารณาการค้ำประกันและสามารถแจ้งผลเบื้องต้น
อธิบดีภาสกรระบุว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ ดีพร้อม ตั้งเป้าจะร่วมมือกับพันธมิตรภายในประเทศอีก 7 หน่วยงาน อาทิ
1.สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) : GISTDA ด้วยการเพิ่มโอกาสให้กับภาคอุตสาหกรรมให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ
2.กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมมือในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ และเสริมแกร่งด้านตลาด
3.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ร่วมมือในด้านการเสริมแกร่งด้านตลาด สร้างแบรนด์ (Storytelling)
4.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมมือในด้านทุนสนับสนุนเครื่องจักร เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ สร้างแบรนด์ (Storytelling) และช่องทางประชาสัมพันธ์
5.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) พัฒนาโมเดลนำร่องในการสนับสนุนและขับเคลื่อนงานวิจัย เพื่อสร้างผลกระทบขนาดใหญ่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบองค์รวม
6.สภาหัตถศิลป์โลก ร่วมมือในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ เสริมแกร่งด้านตลาด
7.เกษรอัมรินทร์ เพื่อนำสินค้าของผู้ประกอบการในจำหน่ายในพื้นที่ พร้อมเร่งขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอื่นๆ ต่อไปในอนาคต
ขณะที่ในส่วนของต่างประเทศนั้น ดีพร้อมได้เตรียมขยายความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศญี่ปุ่นอีก 4 หน่วยงานในด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกับองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) เพื่อมุ่งเน้นการอนุรักษ์พลังงานด้วยการให้ทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี
สำหรับอนุรักษ์พลังงานให้กับบริษัทต่างๆ พร้อมการพัฒนาการใช้เทคโนโลยี AI หุ่นยนต์อัตโนมัติ (Robot) และพลังงานใหม่ๆ
รวมถึงทำความร่วมมือกับจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นอีก 3 จังหวัด คือ จังหวัดโทคุชิมะ จังหวัดโออิตะ และจังหวัดนางาซากิ
โดยเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ทำความร่วมมือกับ 1 หน่วยงาน ด้วยการต่อยอดความร่วมมือ (Framework Agreement) ชูนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตกับจังหวัดมิเอะ ในด้านการพัฒนาบุคลากร และเพิ่มสาขาความร่วมมือให้ครอบคลุมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และพลังงานหมุนเวียน
ทำให้ความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบันทั้งในระดับรัฐบาลกลาง 6 แห่ง รัฐบาลท้องถิ่น 23 แห่ง และภาคเอกชน 3 แห่ง รวม 31 แห่ง ผ่านความร่วมมือรูปแบบต่างๆ อาทิ บันทึกความเข้าใจ (MOU) บันทึกความร่วมมือ (MOC) และกรอบการทำงาน (Framework) เพื่อส่งเสริมและแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างกัน ทั้งในด้านองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนบุคลากร รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายโอกาสธุรกิจสู่ระดับโลก
“ปัจจุบันหน่วยงานที่สนับสนุนและช่วยเอสเอ็มอีมีอยู่มาก ดีพร้อมต้องการสร้างจุดเด่นและความแตกต่าง จึงเร่งผสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในรูปแบบของ DIPROM CONNECTION เพื่อต่อยอดการบริการของดีพร้อมตามกรอบงบประมาณที่ได้รับ ให้สามารถครอบคลุมได้ในหลายมิติอย่างครบวงจร และสานแนวคิด คิดถึงธุรกิจ คิดถึงดีพร้อม” อธิบดีดีพร้อมทิ้งท้าย