ส่อง ธุรกิจก่อสร้าง ครึ่งปีหลังสดใส ได้แรงหนุน งบรัฐ-เมกะโปรเจ็กต์

ส่อง‘ธุรกิจก่อสร้าง’ครึ่งปีหลังสดใส ได้แรงหนุน‘งบรัฐ-เมกะโปรเจ็กต์’

ส่อง ‘ธุรกิจก่อสร้าง’ ครึ่งปีหลังสดใส ได้แรงหนุน ‘งบรัฐ-เมกะโปรเจ็กต์’

จากสัญญาณการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่เริ่มกดปุ่ม มีการคาดการณ์จะมาบูสต์ธุรกิจก่อสร้างในปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ หลังมาช้ากว่ากำหนดหลายเดือน รวมถึงยังได้แรงหนุนจากเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐที่ทยอยประมูลและลงมือก่อสร้าง

ย้อนดูสถานการณ์ ณ ไตรมาสแรกปี 2567 ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ประเมินภาพรวมธุรกิจก่อสร้างปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนจากการลงทุนก่อสร้างลดลง 17.3% เกิดจากการหดตัวของการลงทุนก่อสร้างภาครัฐ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า ทำให้งบประมาณปี 2567 ส่งผลต่อการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ต้องเลื่อนออกไป

ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลงต่อเนื่อง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน รวมถึงต้นทุนทำธุรกิจปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้าง ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

ADVERTISMENT

เมื่อแยกรายเซ็กเตอร์ “ด้านการก่อสร้างภาครัฐ” มีมูลค่า 155,979 ล้านบาท ลดลง 30.4% จากการหดตัวของการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยสําคัญที่ส่งผลกระทบ อาทิ ความล่าช้าเบิกจ่ายงบประมาณอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ความล่าช้าการจัดทําและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ที่แล้วเสร็จเดือนพฤษภาคม และการลดลงของการลงทุนจากรัฐวิสาหกิจ ล้วนส่งผลให้การก่อสร้างภาครัฐโดยรวมล่าช้าและชะลอตัวลงอย่างมีนัยสําคัญ แต่คาดช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อรัฐเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนการก่อสร้างอย่างเต็มที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมาย

“ด้านการก่อสร้างภาคเอกชน” มีมูลค่า 138,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% โดยมีปัจจัยจากการเติบโตการลงทุนก่อสร้างโครงการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอาคาร
สํานักงาน โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม สอดคล้องกับการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศและการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่มีจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ADVERTISMENT

“ด้านผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง” ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายได้ช่วงไตรมาสแรกปรับเพิ่มขึ้น แต่ความสามารถทํากําไรลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.4% เนื่องจากต้นทุนยังคงสูง จากแรงกดดันราคาพลังงานที่กระทบโดยตรงต่อราคาวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่ง รวมถึงภาวะขาดแคลนแรงงานที่ยังส่งผลให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น

“ด้านความต้องการก่อสร้าง” พบว่าพื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างทั่วประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% จากการเพิ่มขึ้นของโรงงานอุตสาหกรรม อาคาร พาณิชย์ โรงแรม และสํานักงาน ซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการในจีน

เมื่อมองภาพธุรกิจก่อสร้างในระยะต่อไป มีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้น จากการเร่งลงทุนก่อสร้างภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนของการลงทุนต่อเนื่องและโครงการลงทุนใหม่ที่จะเปิดประมูล อาทิ รถไฟฟ้า ทางด่วน สนามบิน รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี

โดยคาดว่าการลงทุนภาครัฐในปี 2567 จะขยายตัวอยู่ที่ 3.6% และขยายตัว 2.6% ในปี 2568 นอกจากนี้ได้อานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อความต้องการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวให้ขยายตัวตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงด้านต้นทุน ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ค่าแรงขั้นต่ำ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมือง หากยืดเยื้ออาจส่งต่อการลงทุนใหม่ของภาครัฐล่าช้า และการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง การฟื้นตัวล่าช้าของกําลังซื้อและเศรษฐกิจในประเทศก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจก่อสร้างเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ได้

ภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในครึ่งปีหลัง 2567 มองว่าดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ได้ประกาศใช้เมื่อปลายเดือนเมษายน และเริ่มมีการเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนประมาณ 70% ขึ้นไป เพื่อกระตุ้นการลงทุนภาครัฐ

นอกจากนี้ยังมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่เริ่มเปิดประมูลและกำลังจะเปิดประมูล คือ ทางด่วนจตุโชติ-ลำลูกกา ซึ่งเปิดประมูลไปแล้ว รถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคายที่จะเปิดขายซองประมูลวันที่ 20 สิงหาคม 2567 นี้ และยังมีอีกหลายโครงการจะทยอยมาในครึ่งปีหลัง อาทิ มอเตอร์เวย์ 3 สาย มูลค่ารวมกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท รถไฟทางคู่ 6 สาย มูลค่าร่วม 3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 สาย รวมมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 คาดว่าจะออกประกาศใช้ได้ตามกำหนด จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังและปีหน้าอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของการลงทุนในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างของภาคเอกชนในปี 2567 ประมาณการไว้ว่าจะมีมูลค่าการลงทุนทั้งหมดกว่า 6 แสนล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนของภาคเอกชนมีมูลค่าประมาณ 1.4 แสนล้านบาท สูงกว่าไตรมาสแรกปี 2566 ประมาณ 10% ถือว่าเป็นโมเมนตัมการลงทุนที่ดี คาดว่าทั้งปี 2567 การลงทุนจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ด้วยปัจจัยทั้งหมดจึงประเมินภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในครึ่งปีหลังของปี 2567 จะไม่เหมือนกับครึ่งปีแรกและปี 2566 ที่ค่อนข้างซบเซา ประกอบกับช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าอาจจะได้เห็นการลดดอกเบี้ยจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีแนวโน้มจะเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขาลงของดอกเบี้ยโลก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง และมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น” ภาคภูมิกล่าว

ยังกล่าวถึงผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำว่า หากปรับขึ้นในอัตราที่สูงมากจนกระทบกับผู้ประกอบการ รัฐบาลควรมีมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประกอบการ โดยให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือสิทธิพิเศษทางภาษี เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการมาลงทุนกับรัฐมากขึ้นในภาวะที่ดอกเบี้ยขาขึ้นและต้นทุนทางการเงินปรับสูงขึ้น

เป็นการสะท้อนภาพของ “ธุรกิจก่อสร้าง” อีกฟันเฟืองสำคัญรันเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คงต้องลุ้นรัฐบาลจะผลักดันการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ออกมาได้มากน้อยแค่ไหนในช่วง 6 เดือนที่เหลือนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image