ลุ้นปี 68 ตรึงค่าไฟ 4.18 บ. กกพ.หวังแอลเอ็นจีราคาถูก ล้างหนี้ ‘กฟผ.-ปตท.’
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย หรือค่าเอฟทีอยู่ที่ 39.72 สตางค์ ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ยังคงเรียกเก็บในอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วยตามเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)
นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า แนวทางบริหารได้กำหนดชำระคืนหนี้ต้นทุนเชื้อเพลิงให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ส่วนหนึ่งประมาณ 3,200 ล้านบาท หรือ 0.05 บาทต่อหน่วย ทำให้ยังเหลือหนี้คงค้างที่ต้องทยอยชำระต่อไปอีกประมาณ 95,000 ล้านบาท และหนี้คงค้างส่วนต่างราคาก๊าซที่เกิดขึ้นจริงและราคาก๊าซที่เรียกเก็บ (AF Gas) ที่ยังไม่ได้ชำระคืนให้ ปตท. ประมาณ 15,000 ล้านบาท รวมหนี้คงค้าง ประมาณ 1.15 แสนล้านบาท
นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับภาระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการดูแลค่าไฟงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 กกพ.พิจารณาด้วยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และคำนึงถึงประชาชนควบคู่กับการหาแนวทางทยอยชำระหนี้คืนให้กับ กฟผ. และปตท. เรื่องดังกล่าวจะหารือกันในระดับนโยบายต่อไป ส่วนจะยืนอัตราค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วยได้ตลอดทั้งปี 2568 หรือไม่ ในความคิดเห็นส่วนตัวต้องการให้เป็นแบบนั้น หากราคาก๊าซถูกลง แต่การพิจารณาต้องดูปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะความเหมาะสมในการชำระหนี้คืนให้กับกฟผ. และปตท. โดยเฉพาะกฟผ.อาจผลกระทบต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า ต้นปี 2568 คาดราคาแอลเอ็นจีคาดอ่อนตัวลง หลังจากปลายปี 2567 น่าจะสูงขึ้นจากช่วงหน้าหนาวของประเทศแถบยุโรป ต้องใช้เชื้อเพลิงสร้างความอบอุ่น ทำให้ราคาก๊าซแอลเอ็นจีตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 13 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู แต่หลังจากเดือนธันวาคม 2567 เป็นต้นไปจะลดลงจากความต้องการใช้ลดลง ส่งผลให้ค่าไฟช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2568 มีโอกาสทรงตัว หรือถูกลง นอกจากนี้ต้องติดตามปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิดด้วย
นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กกพ. และภาคนโยบายได้ปรับนโยบายการซื้อแอลเอ็นจีระยะสั้น 3-5 ปี ให้เป็นสัญญาแบบระยะยาว หรือมากกว่า 5 ปีขึ้นไป จะช่วยประกันความเสี่ยงเรื่องราคาที่อาจผันผวน ช่วยให้ราคาค่าเชื้อเพลิงมั่งคง โดยจะปรับใช้กับผู้นำเข้าแอลเอ็นจีทุกรายในระยะต่อไป
