ธรรมนัส ดึง เชฟชุมพล แปรรูปปลาหมอคางดำ สู่ปลาร้าไทยบุกตลาดโลก
ที่ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพมหานคร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมง ภาครัฐ และเอกชน ร่วมเปิดงานแถลงข่าวในหัวข้อ ‘ปลาหมอคางดำ ทำอย่างไรให้เป็นปลาร้า Hygienic’ ภายในงาน “Hygienic ปลาร้าไทย เกรียงไกรตลาดโลก” พร้อมแชร์เทคนิคการแปรรูปปลาหมอคางดำเป็นน้ำปลาร้าแบบถูกสุขลักษณะ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานแถลงข่าวครั้งนี้ พร้อมด้วย นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และ นายชุมพล แจ้งไพร ประธานอนุกรรมการคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร เข้าร่วมงานครั้งนี้
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ปลาหมอคางดำ จัดอยู่ในประเภทสินค้าเถื่อน ประเภทสัตว์น้ำ และขณะนี้ได้สั่งการให้กรมประมง เร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในทุกมิติ ทั้งการขับเคลื่อน 7 มาตรการ ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ พ.ศ.2567-2570 และสร้างแรงจูงใจให้มีการจับเพิ่มขึ้น ทั้งการตั้งจุดรับซื้อในพื้นที่ระบาดและการันตีราคาที่ 15 บาท/กิโลกรัม ก่อนรวบรวมส่งให้สถานีพัฒนาที่ดินผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อส่งมอบให้การยางแห่งประเทศไทยนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรในโครงการแปลงใหญ่ใช้ในสวนยางพื้นที่กว่า 200,000 ไร่
รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการควบคุมและลดจำนวนประชากรปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำ ด้วยการส่งเสริมให้มีการจับเพื่อบริโภคในครัวเรือนเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน หนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการแปรรูปปลาหมอคางดำเป็นน้ำปลาร้า ตามนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”
ด้านนายบัญชากล่าวว่า การแปรรูปปลาหมอคางดำเป็นอีก 1 วิธีในการแก้ไขปัญหาการระบาด ตามมาตรการที่ 3 การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับเพื่อบริโภค เนื่องจากปลาหมอคางดำมีปริมาณโปรตีน 18-20% และไขมัน 0.25-3% ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับปลาน้ำจืดทั่วไป จึงสามารถนำมาประกอบเป็นอาหารหรือแปรรูปด้วยวิธีการถนอมอาหารในรูปแบบต่างๆ เช่น ปลาแดดเดียว ปลาหวาน น้ำปลา รวมถึงน้ำปลาร้า ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้มีปริมาณการส่งออกและมูลค่าของปลาร้าและผลิตภัณฑ์ ในปี 2566 สูงถึง 65,000 ตัน และมีมูลค่า 2,396 ล้านบาท (ข้อมูลจาก กรมประมง, 2567) ซึ่งผลิตภัณฑ์ปลาร้าที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP และ HACP จากกรมประมง ตามมาตรฐานการส่งออกของแต่ละประเทศ เพื่อควบคุมสินค้าปลาร้าของไทยให้มีคุณภาพมาตรฐาน และปลอดภัยเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ด้าน นายชุมพล แจ้งไพร ประธานอนุกรรมการคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร กล่าวว่า ปลาร้าเป็นอาหารพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมในการบริโภคทั่วทุกภาคของประเทศไทย และมีการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาร้า Hygienic ที่ถูกสุขลักษณะ โดยใช้ปลาน้ำจืดต่างๆ เป็นวัตถุดิบ ประกอบกับขณะนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเกิดขึ้นในประเทศ จึงเห็นโอกาสในวิกฤตด้วยการนำวัตถุดิบปลาหมอคางดำมาแปรรูปเป็นปลาร้า เช่นเดียวกับปลาชนิดอื่น โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ ซึ่งได้ทำการวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ในการใช้เทคโนโลยีแสงซินโครตรอนตรวจสอบคุณภาพน้ำปลาร้า และประสานความร่วมมือกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการศึกษาทดลอง และวิจัย รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้ในการทำปลาร้าให้มีมาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้กับปลาร้า ซึ่งในอนาคตก็จะนำความรู้ตรงนี้ ไปเผยแพร่ให้กับชาวบ้านและอุตสาหกรรมที่ทำปลาร้าอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมีการนำเสนอ 5 เมนูสุดพิเศษจากปลาหมอคางดำที่ปรุงคู่กับปลาร้าไทย ได้แก่ ปลาหมอคางดำปิ้งปลาร้าสมุนไพร, ปลาหมอคางดำหยดปลาร้าสามรส, ปลาหมอคางดำฟูยำมะม่วงปลาร้าหอม, ปลาหมอคางดำร้าอบชีสไทย และทอดมันปลาหมอคางดำสอดไส้ปลาหมอคางดำร้ามะกรูดหอม มาให้ผู้เข้าร่วมงานชมและชิม นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์จากก้างปลาหมอคางดำซึ่งเป็นการตอบโจทย์การใช้ประโยชน์จากเศษก้างเหลือทิ้ง เพื่อเป็นไอเดียหนุนภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น