โชห่วย ห่วงประชาชนรีบใช้ ’เงินดิจิทัล’ รวดเดียว ไม่เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจ

วันที่ 11 สิงหาคม 2567 - 20:47 น.

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมเตรียมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลกับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่่ผ่านมา เปิดเผยว่า สมาคมฯเสนอที่ประชุมโดยขอให้หาพื้นที่ฟรีให้รายย่อยได้ค้าขาย เช่น ตลาดสด ตลาดนัด พื้นที่ว่างใต้ทางด่วน พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงพื้นที่ในห้างค้าปลีก รวมถึงให้ภาครัฐช่วยเกษตรกรลดภาระค่าใช่จ่ายด้านขนส่งและช่วยการกระจายผลผลิตภาคเกษตร โดยการจัดหาตู้รถไฟเพื่อบรรทุกสินค้าเชื่อมโยงภูมิภาคต่อภูมิภาคและภูมิภาคเข้าในกรุงเทพฯหรือในเมืองใหญ่ เช่น ขนผลไม้หรือพืชเกษตรจากเชียงใหม่เข้ามาขายในกรุงเทพฯ แทนการขนส่งทางรถยนต์ ที่มีต้นทุนการขนส่งสูงกว่าระบบรางค่อนข้างมาก

“เศรษฐกิจถดถอย เศรษฐกิจไม่ดี มีคนขายมากกว่าคนซื้อ รัฐต้องเป็นพี่ใหญ่ลดภาระผู้ประกอบการ ระหว่างรอเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดังนั้นช่วงที่รัฐบาลทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำหนดไว้ 3 เดือนช่วง 20 สิงหาคม-20พฤศจิกายนนี้ ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเมื่อเริ่มโครงการดิจิทัลแล้ว จะได้ไม่เกิดสะดุด ทั้งเรื่องปริมาณต้องเพียงพอ การจัดส่งสินค้า การกระจายสินค้าเข้าร้านค้า และการเตรียมสต๊อกสินค้ามีเพียงพอ ”

นายสมชาย กล่าวถึงการลดราคาสินค้าว่า ในวันนี้ผู้ผลิตและผู้ค้าได้แข่งขันจัดโปรโมชั่นกันอยู่แล้ว เพราะต้องการดึงกำลังซื้อ ประคองยอดขาย และกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้แย่ลงกว่านี้ และที่น่ากังวลคือ ประชาชนที่ได้รับสิทธิจะรีบใช้จ่ายและซื้อครั้งเดียว กลายเป็นมีสินค้ากองเต็มบ้านประชาชน ไม่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลต้องการให้เป็นพายุหมุน 4 รอบ ที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวข้ามปี

นอกจากนี้นายสมชายกล่าวถึงความวิตกกรณีทุนจีนและผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มรายใหญ่ของจีนได้เข้ามาตั้งธุรกิจและใช้กลยุทธ์ราคาต่ำสุดว่า เป็นเรื่องเกินอำนาจที่ผู้ประกอบการจะเข้าไปป้องกันและแก้ปัญหาได้ ด่านแรกต้องเป็นหน่วยงานรัฐและรัฐบาลเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น แล้วจะเร่งดำเนินการอย่างไร ในแง่ประชาชนก็มักต้องการซื้อสินค้าราคาถูก ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและเงินใช้จ่ายตึงตัว ที่ต้องจับตาจากนี้ คือ จำนวนซูเปอร์มาเก็ตหรือร้านสะดวกซื้อของจีน จะเข้ามาเปิดตัวในไทยมากน้อยแค่ไหน แต่ในวันนี้ยังมีไม่มากและไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับร้านค้าโชห่วยไทย เพราะตอนนี้ร้านค้าโชห่วย มีทั้งปิดตัวและเปิดใหม่ ตามภาวะเศรษฐกิจ และทำเลที่ไม่อาจแข่งขันสู้รายใหญ่ได้