กรมวิชาการเกษตรแนะวิเคราะห์ดินปลูก ‘ทุเรียน’ ลดใช้ปุ๋ย ดันเพิ่ม 3 เท่าใน 4 ปี

กรมวิชาการเกษตรแนะวิเคราะห์ดินปลูก ‘ทุเรียน’ ลดใช้ปุ๋ย ดันเพิ่ม 3 เท่าใน 4 ปี

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ทุเรียน เป็นราชาผลไม้ที่จีนนำเข้าปีละหลายแสนล้านบาท โดยปี 2565- 2566 ไทยกลายเป็นแชมป์ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก และอันดับ 1 ในจีน โดยยอดส่งออกทุเรียนทะลุ 1 แสนล้านบาท แซงหน้ามันสำปะหลัง ยางพารา ส่งผลให้หลายประเทศกระโดดเข้าแย่งตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย เวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซีย

นายอนุสรณ์ เทียนศิริฤกษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า  กลุ่มวิจัยปฐพีวิทยาฯ มองอนาคตทุเรียนไทยยังต้องเผชิญการแข่งขันสูง จำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพภายใต้ต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อจะนำมาซึ่งรายได้ที่สูงขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมาย ขับเคลื่อน IGNITE THAILAND “จุดประกายเกษตรไทย สู่ศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารของโลก” เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรเป็น 3 เท่า ภายใน 4 ปี ทำให้การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินจึงน่าจะเป็นคำตอบหนึ่ง ที่จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพราะการใช้ปุ๋ยเป็นต้นทุนสำคัญมากกว่า 30% ของต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร จากการวิจัยในแปลงสาธิต ในจังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่าหลังจากวิเคราะห์ดินเพื่อทราบถึงแนวทางการจัดการดินและปุ๋ยอย่างเหมาะสม ต้นทุนการใช้ปุ๋ยลดลง 20% หรือลดลงประมาณ 6% ของต้นทุนการผลิตโดยภาพรวม

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การลดต้นทุน เพื่อเพิ่มรายได้ ชาวสวนทุเรียนจำเป็นต้องวิเคราะห์ดินเพื่อทราบถึงแนวทางการจัดการดินและปุ๋ยที่เหมาะสม ไม่ให้มากหรือน้อยกว่าความต้องการของทุเรียน เพราะแร่ธาตุในดินล้วนส่งผลต่อปริมาณปุ๋ยที่ใช้ ก่อนการให้ปุ๋ยในแต่ละฤดูกาล เกษตรกรจำเป็นต้องวิเคราะห์ตัวอย่างดิน  เพื่อให้รู้ว่าในดินแปลงนั้น  มีธาตุอาหาร อาทิ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) เป็นต้น ในปริมาณมากน้อยเท่าไหร่ โดยการวิเคราะห์ดิน เกษตรกรต้องส่งตัวอย่างดินไปที่กลุ่มวิจัยเกษตรเคมี กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรุงเทพฯ หรือสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1-8 หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรทั่วประเทศ ขอย้ำว่า ในส่วนนี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดสำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว

Advertisement

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เมื่อกลุ่มวิจัยเกษตรเคมี ได้รับตัวอย่างดิน ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อวิเคราะห์ตัวอย่างดินก่อนส่งรายงานผลการวิเคราะห์มายังกลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา เพื่อประเมินและออกคำแนะนำการใช้ปุ๋ยไม่เกิน 1-3 วัน เกษตรกรสามารถนำคำแนะนำที่ได้มาใช้ในการจัดการปุ๋ยแก่พืชได้เลย หรือนำรายงานผลการวิเคราะห์ดินมาพิจารณาร่วมกับตารางคำแนะนำการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับทุเรียน โดยเกณฑ์การประเมินธาตุอาหารเพื่อนำไปพิจารณาอัตราการใช้ปุ๋ยต่อการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของทุเรียนให้เหมาะสมจะแตกต่างกันตามระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน

Advertisement

ทั้งนี้ การใส่ปุ๋ยในทุเรียนแบ่งใส่  4 ครั้งต่อปี คือ 1.ระยะบำรุงต้น (ช่วงตัดแต่งกิ่งหลังเก็บเกี่ยว) 2.ระยะสร้างตาดอก (ก่อนออกดอก 1-2 เดือน) 3.ระยะบำรุงผล (หลังดอกบาน 1เดือน) และ 4.ระยะปรับปรุงคุณภาพ (ก่อนเก็บเกี่ยว 2 เดือน) นอกจากนี้ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงความเป็นกรด-ด่างของดินให้มีความเหมาะสมตามความต้องการของทุเรียน ส่วนวิธีการเก็บตัวอย่างดินในแปลงทุเรียน จะต้องทำคือ 1.สุ่มเก็บตัวอย่างดินจำนวน 10-20 ต้นต่อแปลง (พื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่) 2.เก็บตัวอย่างดินจาก 4 ทิศรอบต้น ห่างจากชายพุ่มเข้าไปด้านในประมาณ 50 เซนติเมตร 3.เก็บตัวอย่างดินที่ 2ระดับความลึก คือ (1) ดินบนที่ความลึก 0-15 เซนติเมตร และ (2) ดินล่างที่ความลึก 15-30 เซนติเมตร 4.รวมตัวอย่างดินจาก 4 จุด ให้เป็นตัวอย่างดินบน 1 ตัวอย่าง และตัวอย่างดินล่าง 1ตัวอย่าง 5.นำตัวอย่างดินบนของแต่ละต้นมาคลุกให้เข้ากัน และแบ่งใส่ถุงประมาณ 1 กิโลกรัม พร้อมบันทึกรายละเอียดของตัวอย่าง อาทิ สถานที่เก็บตัวอย่าง ระดับความลึกของดิน 6.นำตัวอย่างดินล่างของแต่ละต้นมาคลุกให้เข้ากัน และแบ่งใส่ถุงประมาณ 1 กิโลกรัม พร้อมบันทึกรายละเอียดของตัวอย่าง อาทิ สถานที่เก็บตัวอย่าง ระดับความลึกของดิน และ 7.นำตัวอย่างดินส่งวิเคราะห์ตามหน่วยงานที่รับวิเคราะห์ตัวอย่าง

“เกษตรกรควรเก็บตัวอย่างดินหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตมาวิเคราะห์ในทุกๆ ปี เพื่อทราบระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน การปรับปรุงดิน และการจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสมในปีต่อไป และ หากเกษตรกรต้องการปรึกษาขั้นตอนการเก็บตัวอย่างดิน หรือปรึกษาปัญหาการใช้ปุ๋ย สามารถติดต่อมาที่กลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา  กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตรได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image