โรงเรียนนานาชาติโตแรง 8.7 หมื่นล้าน สวนทางโรงเรียนรัฐ-เอกชนไทยทยอยปิด
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยว่า ยังคงเติบโตสวนทางกับภาพรวมจำนวนนักเรียนและโรงเรียนในไทยที่มีการหดตัวตามแนวโน้มของสถิติการเกิดที่ลดลง เนื่องจากปัจจุบันความนิยมในหลักสูตรการศึกษาต่างประเทศนั้นเพิ่มขึ้น และจำนวนผู้ปกครองที่มีศักยภาพในการลงทุนด้านการศึกษาสูงขึ้น ทำให้ความนิยมของโรงเรียนนานาชาติมีการเติบโต
โดยภาพรวมจำนวนนักเรียนในไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสวนทางกับจำนวนนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ โดยปีการศึกษา 2567 จำนวนนักเรียนในไทยลดลง 1.7% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนนักเรียนโรงเรียนนานาชาติกลับเพิ่มขึ้น 10.2%
เมื่อดูสถิติการเกิดที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้จำนวนนักเรียนมีแนวโน้มลดลง โดยในระหว่างปี 2555-2567 จำนวนการเกิดลดลงเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 4.5% ในขณะที่อัตราการลดลงของภาพรวมจำนวนนักเรียนในระบบทั้งหมดอยู่ที่ 0.9% อย่างไรก็ดี จำนวนนักเรียนโรงเรียนนานาชาติกลับมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 6.9% ต่อปี
แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของนักเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยเกิดจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มขึ้นของนักเรียนต่างชาติที่สอดคล้องกับจำนวนชาวต่างชาติในตำแหน่งผู้บริหารที่เข้ามาทำงานในไทย ที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 0.6% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ความนิยมในหลักสูตรการศึกษาต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยและทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่อเทียบกับหลักสูตรไทย รวมไปถึงศักยภาพการลงทุนด้านการศึกษาของผู้ปกครองที่สูงขึ้น สะท้อนจากคาดการณ์จำนวนคนที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ฯ ในไทยจะเพิ่มขึ้น 24% ระหว่างปี 2566-2571 ยังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของจำนวนนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ
ขณะที่จำนวนโรงเรียนในปี 2567 ภาพรวมจำนวนโรงเรียนลดลง 0.5% จากปี ก่อนหน้า แตะ 33,098 โรงเรียน แต่หากเทียบกับปีการศึกษา 2555 จะหดตัวถึง 6.6% หรือคิดเป็นราว 2,355 โรงเรียน
เนื่องจากภาพรวมจำนวนนักเรียนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ทำให้ในระหว่างปีการศึกษา 2555-2567 เกิดการทยอยปิดตัวของโรงเรียน โดยโรงเรียนรัฐบาลมีอัตราการลดลงเฉลี่ยถึง 0.6% ต่อปี รวมไปถึงโรงเรียนเอกชนหลักสูตรไทยก็มีแนวโน้มลดลงเฉลี่ย 0.7% ต่อปี ในทางตรงข้าม จำนวนโรงเรียนนานาชาติกลับเติบโตเฉลี่ย 5.0% ต่อปี สวนทางกับโรงเรียนประเภทอื่น สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของกิจการโรงเรียนสู่หลักสูตรการศึกษาต่างประเทศมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนนานาชาติมีแนวโน้มขยายตัวสู่นอกกรุงเทพฯมากขึ้น ในช่วงปี 2555-2567 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของจำนวนนักเรียนและจำนวนโรงเรียนนานาชาติที่ตั้งในภูมิภาคอื่น จะสูงกว่าของกรุงเทพฯ ถึง 4.3% และ 6.3% ตามลำดับ
การแข่งขันในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติที่เพิ่มขึ้น และพื้นที่ในกรุงเทพฯที่จำกัด ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติต้องสำรวจตลาดใหม่ๆ ในหัวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ ระยอง และภูเก็ต เป็นต้น
ทั้งนี้ เศรษฐกิจใน 21 เมืองหลักได้เติบโตในอัตราที่สูงกว่ากรุงเทพฯ โดยในปี 2565 อัตราการเติบโต GDP ต่อหัวของ 21 เมืองหลักสูงกว่ากรุงเทพฯ ถึง 2% ซึ่งทำให้ตลาดนอกกรุงเทพฯ ดูน่าสนใจมากขึ้น
แนวโน้มนี้แสดงให้เห็นโอกาสขยายธุรกิจโรงเรียนนานาชาติไปยังพื้นที่นอกกรุงเทพฯ โดยเฉพาะภาคกลางและตะวันออก ซึ่งน่าจะเป็นตลาดศักยภาพ เพราะมีจำนวนครัวเรือนรายได้เกิน 100,000 บาทต่อเดือน รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม เนื่องจำนวนครัวเรือนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในแต่ละภูมิภาคมีจำนวนน้อยกว่ากรุงเทพฯ ทำให้ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับลดค่าเล่าเรียนให้สอดคล้องกับรายได้ผู้ปกครองที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
คาดว่าในปี 2567 มูลค่าตลาดโรงเรียนนานาชาติไทยจะเติบโตราวร้อยละ 13 จากปี 2566 แตะ 8.7 หมื่นล้านบาท มาจากแรงหนุนของความนิยมที่เพิ่มขึ้นในหลักสูตรนานาชาติและการขยายสู่ตลาดใหม่ๆ ส่งผลให้จำนวนนักเรียนขยายตัวสูงถึง 10.2% จากปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการปรับค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.8% จากปีการศึกษา 2566
ด้านความเสี่ยงของกิจการโรงเรียนนานาชาติ คือการเพิ่มขึ้นของค่าเล่าเรียนโรงเรียนนานาชาติอาจทำให้ผู้ปกครองพิจารณาส่งบุตรหลานไปศึกษาในต่างประเทศแทน เนื่องจากช่องว่างระหว่างค่าเล่าเรียนเริ่มลดลง ในปีการศึกษา 2567 ซึ่งค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยอยู่ที่ 764,484 บาท ในขณะที่ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของโรงเรียนประจำในนิวซีแลนด์อยู่ที่ประมาณ 1,150,208 บาท
นอกจากนี้ โรงเรียนนานาชาติอาจเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันกับโรงเรียนเอกชนหลักสูตรไทยที่พัฒนาคุณภาพและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า ผู้ปกครองอาจตัดสินใจเปลี่ยนไปเลือกโรงเรียนเอกชน หลักสูตรไทยที่มีการเปิดสอนโปรแกรมภาษาอังกฤษ และสอนหลายภาษา เช่น ไทย อังกฤษ และจีนเป็นต้น ซึ่งท้าทายจุดแข็งของโรงเรียนนานาชาติในด้านภาษา
รวมถึงการพัฒนาทางเทคโนโลยีทำให้การเรียนโฮมสคูลง่ายขึ้น และเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเรียนโฮมสคูลต่ำกว่าการเรียนในโรงเรียนนานาชาติ จึงอาจส่งผลกระทบต่อจำนวนนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติได้ โดยค่าใช้จ่ายในการสอบ GED (เทียบวุฒิมัธยมปลาย
ของสหรัฐ) รวมกับค่ากวดวิชาแบบเรียนตัวต่อตัว 100 ชั่วโมง จะอยู่ที่ประมาณ 160,800 บาท