ยอดขายพุ่ง ‘กนอ.’ โชว์ 10 เดือน ตัวเลขทุบสถิติปีก่อน

ยอดขายพุ่ง‘กนอ.’โชว์10เดือน
ตัวเลขทุบสถิติปีก่อน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านคอลัมน์คิด เห็น แชร์ และแฟนๆ มติชนทุกท่าน ก่อนที่ผมจะอำลาตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. ครั้งนี้จึงจะขออัพเดตความสำเร็จในการขาย/เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศในช่วง 10 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-กรกฎาคม 2567) ซึ่งนับเป็นความท้าทายท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่มีความสลับซับซ้อน สภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่สถาบันต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนคาดการณ์ไว้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน

สำหรับยอดขายหรือเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมตลอด 10 เดือน ของปีงบประมาณ 2567 อยู่ที่ 6,175 ไร่ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี 2567 ที่ 3,000 ไร่ ถือว่าเราทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565-กันยายน 2566) ที่ กนอ.มียอดขายหรือเช่าอยู่ที่ 6,096 ไร่ และในปี 2567 นี้ เพียงแค่ 10 เดือน ก็ทำสถิติสูงกว่าปีก่อนแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่จะลงทุนในนิคมมีอยู่สูง และเป็นผลพวงจากการออกไปโรดโชว์ตลอดจนนโยบายที่ดึงดูดการลงทุนของรัฐบาล กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับชาติที่เข้ามาลงทุนในนิคม สูงสุด คือ ญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ จีน สิงคโปร์ อเมริกา และไต้หวัน

ADVERTISMENT

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสะสมสูงสุด ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะ อุตสาหกรรมการผลิตโลหะ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และอุตสาหกรรมพลาสติก

และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน กนอ. ได้พยายามดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่สำคัญในพื้นที่ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญของการลงทุนของประเทศไทยอย่าง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ได้แก่

ADVERTISMENT

โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่ก่อสร้างในช่วงที่ 1 ไปแล้วกว่า 91.86% (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2567) ซึ่งแล้วเสร็จตามแผนอย่างแน่นอน และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำมาร์เก็ต ซาวดิ้ง โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ช่วงที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และสินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในอนาคตต่อไป

อีกโครงการที่สำคัญ และ เป็นที่สนใจของนักลงทุนเป็นอย่างมาก คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ ที่ก้าวข้ามการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นฐานรูปแบบเดิมๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เสริมสร้างความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่ทันสมัย ปลอดภัย ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ ภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ต้องบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 เมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะก่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่มากมาย เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย การพัฒนาพื้นที่และท้องถิ่น ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างเศรษฐกิจชุมชน เพิ่มรายได้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่

สำหรับการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมในอนาคตคือ การมุ่งสู่การนำดิจิทัลมาใช้ในการผลิต มุ่งสู่การนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ การนำระบบ Big Data มาวิเคราะห์ และนำ AI เข้ามา
ยกระดับการผลิต ผมเชื่อว่าเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะมีการเตรียมการรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เราแข่งขันได้ในระดับสากล

ขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรม ต้องเดินไปด้วยบริบทที่ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกับ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืนต่อไป

จากการวิเคราะห์ร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง ผมเชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจะสามารถก้าวต่อไปได้ แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมใจ ช่วยกันอย่างเต็มที่ ในการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มทักษะให้แก่บุคลากร ตลอดจนลดกฎ ระเบียบที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยให้สอดคล้องกับเทรนด์ของโลก

ถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะต้องเปลี่ยนบทบาทไปปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรอื่น แต่ก็ขอร่วมเป็นกำลังใจให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ ในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้กับประเทศต่อไปครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image