ธุรกิจ ถ.ข้าวสาร ขอนโยบาย ชัดเจน จากนายกอิ๊งค์ โอดขึ้นค่าแรง 400 เสียมากกว่าได้
เมื่อวันที่ 7 กันยายน นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผย มติชนออนไลน์ ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังติดตามการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งยังมองว่าจะยังสานต่อนโยบายเดิม เพราะพรรคแกนนำยังเป็นพรรคเดิม แต่ที่กังวลคือระยะเวลาการทำงานของรัฐมนตรีและรัฐบาลจะนานแค่ไหน จะมีการปรับเปลี่ยนอะไรจากนี้ ซึ่งภาคเอกชนเรากังวลเรื่องความไม่ต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนและการเจรจาการค้า โดยเฉพาะกับนักลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงการวางแผนงานทางธุรกิจทำได้ช่วงสั้นๆ ผู้ประกอบการอยากเห็นแต่ละนโยบายมีความชัดเจนและผลักดันให้สุดทาง
“อาทิ นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ดูจะแผ่วลงและไร้ทิศทางว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อหรือไม่ หรือนโยบายกัญชา จะไปต่อแค่ไหนอย่างไร ก็อยากให้เร่งออกกฎหมายคุ้มครองและต้องมีใบอนุญาตถึงประกอบการได้ วันนี้ยังเห็นเร่ขาย ก็ไม่รู้สินค้าผสมอะไรบ้าง หรือโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากจะสานต่อ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะตั้งในเมือง จังหวัดใหญ่ หรือจังหวัดที่นักท่องเที่ยวรู้จักแล้ว ควรตั้งในเมืองรอง จังหวัดที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของทางเศรษฐกิจในพื้นที่กันดาร จะได้ประโยชน์กว่า เหมือนในต่างประเทศ นโยบายที่ชัดเจนและนิ่ง จะเป็นแรงผลักดันดีที่สุดในเวลานี้” นายสง่ากล่าว
นายสง่ากล่าวว่า หรืออย่างการท่องเที่ยว เพียง 1 ปี ไทยเปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวฯถึง 3 คน รัฐมนตรีท่านใหม่ ก็อยากให้เร่งหารือกับสมาคมต่างๆ และภาคเอกชนด้วย เพื่อได้รับฟังถึงปัญหาและความต้องการแท้จริง ที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ภาคท่องเที่ยวยังไม่ดีเท่าที่ควร คนในประเทศประหยัดใช้จ่ายลดลงมาก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่ได้สูง รายได้จึงหายไป 20-30% คงต้องรอดูสถานการณ์เดือนตุลาคม ที่จะเข้าฤดูท่องเที่ยวไทย (ไฮซีซั่น) อีกครั้ง โดยเรื่องเร่งด่วนที่ธุรกิจบนถนนข้าวสารอยากให้นายกฯอิ๊งค์ เข้ามาสั่งการ คือ การบูรณาการหน่วยงานและแก้ปัญหาภาพพจน์ความไม่ปลอดภัยในการเที่ยวในไทย
“ตอนนี้เราได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น คือ รถแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์รับส่งนักท่องเที่ยว พฤติกรรมแรงงานต่างด้าวในการก่อกวนหรือแย่งดึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในถนนข้าวสาร หรือข่าวอาชญากรรมต่างๆ ซึ่งสมาคมฯได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ไขแล้ว ไทยเรายังพึ่งพาการท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจยังฝืดอย่างวันนี้ การสร้างภาพพจน์ประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ และต้องเร่งแก้ไขเหลือบไรเหล่านี้” นายสง่ากล่าว
นายสง่ากล่าวว่า สำหรับถนนข้าวสาร กำลังอยู่ระหว่างเตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นการเข้ามาท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติ อาทิ การจัดชกมวย กลางถนนข้าวสาร ในวันที่ 23 กันยายน ตามด้วยเดือนตุลาคม จัดงานฮาโลวีน และจัดกิจกรรมวิ่งระยะสั้น และจัดงานฉลองเข้าเทศกาลปีใหม่และเคาต์ดาวน์ สำหรับความกังวลที่จะมีผลต่อการทำธุรกิจหลังรัฐบาลใหม่เริ่มบริหารประเทศ คือ การเดินหน้าปรับขึ้นค่าแรงรายวันขั้นต่ำ 400 บาท แม้จะปรับขึ้นในบางพื้นที่ ก็จะกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อการชะลอเพิ่มการจ้างงานใหม่ หรือลดจำนวนแรงงานเดิม พร้อมกับต้นทุนที่ธุรกิจจ่ายเพิ่ม อาจต้องปรับบางส่วนในการปรับขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ ซึ่งอย่างไรก็กระทบทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้าง อีกเรื่องที่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการ คือการลดภาระค่าใช้จ่ายผ่านมาตรการภาษี เช่น ยกเว้นหรือลดภาษีเกี่ยวกับธุรกิจจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เช่น ภาษีป้าย ภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน
“อยากให้รัฐบาลคิดใหม่ ที่จะช่วยให้คนที่สามารถสร้างรายได้ ให้อยู่รอดได้อย่างไร การแจกเงินไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน เพราะบางส่วนไม่ได้คืนมาในแง่ภาษีหรือรายได้ต่อรัฐ เหมือนผู้ประกอบการที่ทำมาค้าขาย รัฐบาลควรเปลี่ยนจากแจกมาสร้างอาชีพและทักษะแรงงาน” นายสง่ากล่าว และว่า ในส่วนการขยายเวลาเปิดปิดสำหรับสถานบันเทิง ไม่น่าจะเป็นประเด็นแล้วในวันนี้ เพราะหากมีใบอนุญาตสถานบันเทิงและร้านอาหารสามารถเปิดได้ถึง 04.00 น. แล้ว แต่ที่ยังเห็นกันไม่มาก เพราะกำลังซื้อเงียบเหงามาก การเปิดดึกๆ ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่รายได้ไม่เพิ่ม