หุ้นไทยเด้งบวกเป็นร้อยจุด กูรูชี้ ‘วายุภักษ์’ ดันระยะสั้นกลับทิศวิ่งขาบวกได้
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (ไอเอเอ) และกรรมการสภาธุรกิจตลาดไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน อยู่ในช่วงของการปรับขึ้น หลังจากพยายามปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนเข้ามาช่วยผลักดันการปรับขึ้นอย่างชัดเจน แต่ขณะนี้มูลค่าของหุ้น และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ) ฟื้นตัวขึ้นมามากแล้ว อยู่ในจุดที่ดัชนีหุ้นพร้อมปรับตัวขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกยังถือเป็นปีที่ดีมาก แต่ตลาดหุ้นไทยยังติดลบอยู่ เป็นหนึ่งในไม่กี่ตลาดที่ติดลบ หากนับตลาดหุ้นใหญ่ๆ ปรับขึ้นกันหมดแล้ว ทำให้หากประเมินในแง่มูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) และราคาตลาดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือพีอีเรโช หุ้นไทยยังถือว่าต่ำกว่าในอดีตที่เคยอยู่ระดับ 16-17 เท่า ขณะนี้อยู่ที่ 13 เท่ากว่าๆ เท่านั้น ซึ่งไม่ได้เห็นในระดับนี้มานานมากแล้ว จึงตอกย้ำทิศทางของตลาดหุ้นไทยที่น่าจะกลับทิศได้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ปัจจัยบวกมาพร้อมกับประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรี ใหม่เร็วกว่าคาด คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครบองค์แล้ว หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดพ้นตำแหน่งไป มีความกังวลว่าจะเกิดสุญญากาศ ใช้เวลานานในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล เหมือนช่วงเลือกตั้งจบใหม่ๆ แล้วก้าวไกลชนะ แต่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทุกคนกังวลว่าจะเกิดภาวะแบบนั้นอีก ทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไปหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกอย่างเสร็จรวดเร็วมาก มีนายกและ ครม.ใหม่ชัดเจน ทุกอย่างเหมือนไปได้ดีกว่าที่คาดไว้ รวมถึงท่าทีของรัฐบาลใหม่ ที่เริ่มรับการปรับเปลี่ยนในหลายๆ เรื่อง อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ต ยอมแจกเป็นเงินสด สวนทางจากช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ฟังใครเลย จะเอาแบบเดิมทั้งหมด แม้พักหลังจะเริ่มผ่อนคลายลง แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลก็มีการรับฟังมากขึ้น ยอมเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ซึ่งมองในแง่ดีคือ มีการรับฟังข้อเสนอแนะที่พูดออกมามากขึ้น ประจวบเหมาะกันทำให้ตลาดหุ้นตอบรับด้วยการฟื้นตัวกว่า 150 จุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
“ก่อนหน้านี้ เห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ด้วย ซึ่งเวลานายทักษิณพูด จะพูดเหมือนคิดมาแล้ว มีวิธีปฏิบัติเบื้องต้นมาให้ด้วย จึงช่วยสร้างความมั่นใจในระดับหนึ่ง ประกอบกับรัฐบาลนี้หยิบยกบางเรื่องที่พูดบนเวทีมาทำทันที อาทิ เงินดิจิทัล ที่แจกเป็นเงินสด ซึ่งหากจำกันได้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการพูดถึงการแจกเป็นเงินสดเลย แต่อันนี้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้การแจกผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มกลับมา สอดคล้องกับภาวะตลาดหุ้นที่พร้อมและพยายามจะกลับมาวิ่งขึ้นอยู่แล้ว จึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นได้แรงมาก แต่หากเทียบกับช่วงปลายปี 2566 ที่อยู่ประมาณ 1,416 จุด ถือว่ายังไม่ไปไหน” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถสร้างผลงานได้มากกว่ารัฐบาลเดิมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจึงตอบรับด้วยการปรับขึ้น แต่จะยืนอยู่ได้นานเท่าใด มองว่าระยะสั้นๆ ไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากเป็นระดับเดียวกับปลายปี 2566 เพราะในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหน ยังติดลบอยู่ แต่หากจะดูทิศทางว่าจะไปได้ไกลมากเท่าใด ต้องมาวัดช่วงต่อจากนี้ว่าดัชนีจะขึ้นไปที่เท่าใด ซึ่งประเมินว่าอุปสรรคในประเทศช่วงที่เหลือของปี 2567 คงน้อยมากแล้ว คนน่าจะให้โอกาสการเข้ามาทำงานของรัฐบาลและครม.ใหม่ คนไม่น่าจะผิดหวังกับมาตรการด้านเศรษฐกิจมากเท่าเดิม เพราะมีตัวช่วยอยู่เยอะ โดยจากนี้ต้องไปมองในระยะยาวให้เกิดความยั่งยืนแทน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องติดตามจากนี้คือ การแถลงนโยบายของนายกในช่วงวันที่ 12 กันยายนนี้ โดยสิ่งที่อยากเห็นคือ ไม่พูดถึงปัญหาแล้ว เพราะทุกคนรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาในด้านโครงสร้างเยอะมากเหลือเกิน ขอฟังแนวปฏิบัติของนายก และทีมรัฐบาลทั้งหมดเลยว่าจะทำอย่างไร แก้ไขปัญหาในเรื่องใด ลงมือทำอย่างไร เมื่อใด ตัวชี้วัดอะไรที่จะบอกว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ โดยหากมีแผนงานในการแก้ไขปัญหาชัดเจน ระยะเวลาดำเนินการ และวัดผลสำเร็จได้แบบชัดเจน เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจได้อีกระดับหนึ่ง ช่วยพลิกเศรษฐกิจกลับมาได้จริง หากเศรษฐกิจดี ผลประกอบการภาคธุรกิจก็จะดีขึ้นตาม ส่งผลต่อประชาชนส่วนรวมอยู่แล้ว