กอบศักดิ์ ถ่างปัญหาศก.ฐานราก จำเป็นต้องเร่งกระตุ้นระยะสั้น แนะสานต่อนโยบายที่ดี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า ภาพในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจฐานรากไทยยังมีปัญหา รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นโดยเร็ว พร้อมนำนโยบายที่มีอยู่แล้ว ทำไว้ได้ดีของเศรษฐา ทวีสิน เดินหน้าต่อ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ต่อไป
โดยภาวะตลาดหุ้นไทยตอนนี้ปรับตัวขึ้น จากกำลังซื้อที่กำลังจะเข้ามา อาทิ กองทุนวายุภักษ์ ที่ใกล้จะเปิดขายในวันที่ 16-20 กันยายนนี้ รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งน่าจะถูกใจนักลงทุนรายย่อยอย่างยิ่ง เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีไม่แพ้เงินฝาก จึงมองว่าเงินทุนจากกองทุนวายุภักษ์ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยได้ โดยหากรวมปัจจัยบวกในส่วนของเม็ดเงินจากกองทุนไทยอีเอสจี และการคลายตัวของความไม่แน่นอนทางการเมืองน่าเป็นตัวที่ช่วยให้ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น
“ความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล เรามีรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนเดิม สามารถสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมได้ โดยแนวคิดกองทุนวายุภักษ์ ก็มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้เช่นกัน รวมถึงการเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลที่ใกล้จะเริ่มต้นได้แล้ว ผ่านรูปแบบที่เป็นเงินสด ซึ่งตอนนี้ความต่อเนื่องเป็นสิ่งที่จะช่วยและทำให้การปรับแก้นโยบายเป็นไปได้
โจทย์ที่สำคัญคือตอนนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร โดยเฉพาะฐานราก ซึ่งขณะนี้มีปัญหามากกว่าที่คิด กำลังซื้อไม่ดี หนี้ครัวเรือนสูงและสินเชื่อรถยนต์ที่เป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นความน่ากังวลใจอย่างมาก รวมทั้งหนี้บ้านที่เป็นเอ็นพีแอลก็เพิ่มขึ้น แสดงว่าคนมีปัญหามากแล้ว” นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาหนี้ไม่ก่อรายได้ หรือหนี้เสีย ถือเป็นปัญหาที่อยู่เป็นจุดๆ ทางแก้ไขที่ดีคือการทำงานใกล้กับธนาคารทั้งกลุ่มขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และลูกค้ารายย่อย โดยมองว่าลูกค้ารายใหญ่มีความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า รัฐบาลจึงต้องออกมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือ อย่างการแจกเงินดิจิทัลให้แก่คนเปราะบางก่อนนั้น
เชื่อว่าจะช่วยได้ระดับหนึ่ง มีโอกาสดันให้เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2567 ขยายตัวได้ถึง 3% และขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีถัดไป ต้องใส่พื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีเข้าไป หลังจากออกมาตรการระยะสั้นแล้ว อยากให้รัฐบาลมีโครงการลงทุนใหญ่ในระยะยาวเพิ่มเติม อย่างที่เคยเตรียมการไว้ อาทิ โครงการอีอีซี มอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ รถไฟใต้ดิน การขยายสนามบินต่างๆ ถือเป็นการสร้างให้เศรษฐกิจโตได้ในอนาคต สร้างความเชื่อมั่น และชักชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนสมัยใหม่ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยให้โตได้
“ตอนนี้ยังไม่อยากให้รัฐบาลทำโครงการหรือลงทุนอะไรใหม่ เพราะต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าเริ่มดำเนินการได้ จึงควรทำโครงการที่ผ่านการอนุมัติแล้วเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเป็นโครงการที่สาธิตให้ต่างชาติเห็นว่าเราทำได้ โดยอยากให้เร่งดำเนินการตั้งแต่ระยะแรกและซื้อเวลาดำเนินการโครงการใหญ่ต่อไป“ นายกอบศักดิ์ กล่าว