กดปุ่มกองทุนวายุภักษ์ การันตีผลตอบแทนสูงสุด 9% เงินทุนไม่หาย 10 ปี จองซื้อขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่ารวม 1-1.5 แสนล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 9% ต่อปี คงที่ตลอดระยะเวลา 10 ปี พร้อมเปิดให้นักลงทุนทั่วไปที่เป็นนักลงทุนรายย่อยในประเทศจองซื้อในวันที่ 16-20 กันยายนนี้ ราคาหน่วยละ 10 บาท เริ่มต้นที่ 1,000 หน่วย หรือมูลค่า 10,000 บาท
เสนอขายผ่านบริษัทจัดการ และธนาคาร 6 แห่ง โดยนักลงทุนรายย่อยได้รับการจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First เพื่อกระจายหน่วยลงทุนอย่างเท่าเทียม โดยคาดว่าจะนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเป็นกองทุนรวมปิดมีขนาด 100,000 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการหลักทรัพย์ที่รัฐถือครองอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวและมั่นคง โดยลงทุนในกิจการที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อประเทศในเชิงเศรษฐกิจ และต้องการการส่งเสริมจากภาครัฐ สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ และเพิ่มทางเลือกในการออมและการลงทุนให้แก่ประชาชน
จากนั้นในปี 2556 บริษัทจัดการได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมด และได้แปรสภาพกองทุนเป็นกองทุนรวมเปิด คงเหลือเฉพาะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ได้แก่ กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ ล่าสุด ณ วันที่ 6 กันยายน 2567 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม (เอ็นเอวี) 353,596 ล้านบาท นับจากปี 2557-2566 กองทุนได้รับเงินปันผลจากหลักทรัพย์ที่ลงทุนอย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยปีละ 12,278 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลรับต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเฉลี่ย 3.75% ซึ่งเพียงพอที่จะจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำต่อปีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หรือนักลงทุนรายย่อย ทั้งยังมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 กองทุนมีกำไรสะสม ประมาณ 142,739 ล้านบาท
“เม็ดเงินที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อย จะนำมาเลือกลงทุนตามนโยบายในหลักทรัพย์ต่างๆ ทั้งแบบเชิงรุก และแบบเชิงรับ ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ลงทุนในตอนนั้นๆ เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี อาทิ บริษัทที่อยู่ใน SET100 หรือบริษัทนอกก็ได้ แต่ต้องมีการจัดอันดับคะแนนที่ดี โดยประเมินตลาดหุ้นไทยในปี 2567 เชื่อว่าจะดีกว่าปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ เศรษฐกิจไทยดูบอบบาง แต่มีธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถเติบโตได้เป็นตัวช่วยในภาพใหญ่ รวมถึงมีปัจจัยสนับสนุนในด้านการเมืองที่ความไม่แน่นอนหายไป หลังจากมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งหากรัฐบาลใหม่สามารถดำเนินตามนโยบายที่ให้ไว้ได้จริงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ แก้หนี้เสีย ที่จะทำให้ประชาชนในประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่กังวลเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น อย่างความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในต่างประเทศเหล่านี้“ นางชวินดากล่าว
นายวราห์ สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คำนวณจากมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหน่วยลงทุนประเภท ก. ที่ 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งไม่ใช่การรับประกันหรือค้ำประกันผลตอบแทน แต่เป็นกลไกคุ้มครองผลตอบแทนของกองทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จากนั้นผลตอบแทนส่วนที่เหลือจะเป็นของหน่วยลงทุนประเภท ข. โดยยืนยันว่าการบริหารกองทุนวายุภักษ์ มีกลไกคุ้มครองที่เข้มข้นในการดูแลเม็ดเงินของนักลงทุน ทำให้มีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องตลอดการลงทุน ระยะเวลา 10 ปี ยกเว้นมีการเปลี่ยนแปลงของหลักทรัพย์การลงทุน จะมีการบริหารจัดการที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนตามกติกาที่กำหนดไว้แน่นอน
นายวราห์กล่าวว่า ในกรณีที่กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม (เอ็นเอวี) รวมของกองทุนฯ ณ วันครบกำหนดระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น (10 ปี) ต่ำกว่ามูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้นของหน่วยลงทุนประเภท ก. ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจได้รับคืนเงินลงทุนน้อยกว่ามูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้นได้ และเมื่อครบระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี หากกองทุนจะระดมทุนต่อ จะให้สิทธิผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ขยายระยะเวลาการลงทุน หรือขายคืนหน่วยลงทุน (redeem) ตามแนวทางที่กำหนด แต่หากกองทุนไม่ประสงค์จะระดมทุนต่อ บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหรือไถ่ถอนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า แบ่งผู้ลงทุนเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศ จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่มีถิ่นที่อยู่ในไทยและมีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือกองทุนส่วนบุคคลของผู้ลงทุนรายย่อยดังกล่าว เบื้องต้นได้กำหนดสัดส่วนการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนกลุ่มนี้ 3-5 หมื่นล้านบาท และ 2.ผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลเฉพาะกลุ่ม อีกประมาณ 1 แสน-1.2 แสนล้านบาท โดยบริษัทจัดการและผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุนมีสิทธิเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยลงทุนที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนแต่ละประเภท และอาจพิจารณาเพิ่มหรือลดสัดส่วนการเสนอขายหน่วยลงทุนแก่ผู้ลงทุนแต่ละประเภท (Claw back / Claw forward) หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดสรรหน่วยลงทุนตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ สามารถจองซื้อได้ที่สำนักงาน สาขา และ/หรือ ช่องทางออนไลน์ (เฉพาะรายที่เปิดจองซื้อทางออนไลน์) ของบริษัทจัดการและผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุน รวม 8 ราย ได้แก่ 1.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 2.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) 4.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 5.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 6.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 7.ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) และ 8.ธนาคารออมสิน โดยเน้นย้ำให้ซื้อผ่านทางที่ถูกต้องเท่านั้น เพื่อป้องกันการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เสียทรัพย์ด้วย