เปิดไทม์ไลน์ แจกเงินหมื่น กลุ่มเปราะบาง 25-30 ก.ย. โอนเข้าพร้อมเพย์-ถอนเงินสดได้

คลัง แจงไทมไลน์ แจกเงินหมื่นกลุ่มเปราะบาง เริ่มโอน 25-30 ก.ย.นี้ เข้าพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน ถอนเป็นเงินสดได้

เมื่อวันที่ 13 กันยายน นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจ่ายเงินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต สำหรับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นเฟสแรกนั้น จะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิทั้งหมด 14.5 ล้านคน ได้แก่ ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ ตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายนนี้ เป็นการโอนเงินเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ที่เชื่อมเลขบัตรประชาชน โดยแบ่งเป็น

  • วันที่ 25 กันยายน กรมบัญชีกลาง โอนเข้าบัญชีผู้พิการ 2.6 ล้านคน และผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย เลข 0

ส่วนที่เหลือจะโอนให้ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ตามเลขหลังบัตรประชาชน

  • วันที่ 26 กันยายน ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขบัตรประชาชนลงท้าย เลข 1, 2, 3
  • วันที่ 27 กันยายน ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขบัตรประชาชนลงท้าย เลข 4, 5, 6, 7
  • วันที่ 30 กันยายน ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขบัตรประชาชนลงท้าย เลข 8, 9

“เราจัดกลุ่มการโอนเงินแต่ละวันให้กับผู้ได้รับสิทธิ เพื่อไม่ให้กระทบการจ่ายเงินเดือน และที่ข้ามไปจ่ายวันที่ 30 กันยายน เพราะวันที่ 28-29 กันยายน เป็นวันเสาร์ อาทิตย์ ระบบพร้อมเพย์ปิด ทั้งนี้ เฉลี่ยจะจ่ายเงินให้ผู้รับสิทธิกลุ่มดังกล่าววันละ 4-5 ล้านคน” นายลวรณกล่าว

Advertisement

นายลวรณกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ 13.5 ล้านคน โดยมีคนที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์บัตรประชาชนเสร็จแล้วประมาณกว่า 11 ล้านคน และยังไม่ได้มีบัญชีพร้อมเพย์บัตรประชาชนกว่า 2 ล้านคน จึงขอให้เร่งไปทำพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้เร็วที่สุดเพื่อให้สามารถรับเงินได้ตามกำหนด แต่หากทำไม่ทันจะต้องรอรับเงินในรอบถัดไป แต่ช้าสุดจะต้องไม่เกินสิ้นปีนี้ ไม่เช่นนั้นเงินจะถูกโอนกลับเข้าคืนรัฐ

นายลวรณกล่าวว่า สำหรับช่องทางในการผูกพร้อมเพย์นี้ สามารถทำได้โดย 3 ช่องทาง คือ

Advertisement
  1. ไปติดต่อกับสาขาธนาคารที่มีบัญชีไว้
  2. ผ่านตู้เอทีเอ็ม
  3. ผ่านโมบายแบงกิ้ง

ส่วนการโอนเงินให้ผู้พิการ กรมบัญชีกลางมีบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการโอนเข้าบัญชีตามกำหนดวันที่ 25 กันยายนนี้

“เมื่อมีการโอนเงินสดเข้าไปแล้ว ผู้ใช้ก็สามารถถอนออกมาใช้ได้เลยซึ่งมั่นใจว่าเม็ดเงินที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางกว่า 14.5 แสนล้าน ซึ่งถือเป็นเงินที่ก้อนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เคยมีมาที่ใส่ลงไป เมื่อรวมกับกองทุนวายุภักษ์ที่จะเปิดขายเข้าไปกระตุ้นส่งเสริมตลาดทุนอีกมากกว่าแสนล้าน จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจในปลายปีกลับมาคึกคักและเชื่อมั่นว่าจีดีพีทั้งปีจะโตได้ถึง 3%” นายลวรณกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image