พณ.เพิ่มสอบนอมินี แพลตฟอร์มออนไลน์-ร้านค้าปลีก เปิดผลแผนงานปี 67 ฟัน 64 ราย ผิด พ.ร.บ.บัญชี ก่อนชงสรรพากรเอาผิดทางภาษี

พณ.เพิ่มสอบนอมินี แพลตฟอร์มออนไลน์-ร้านค้าปลีก เปิดผลแผนงานปี 67 ฟัน 64 ราย ผิด พ.ร.บ.บัญชี ก่อนชงสรรพากรเอาผิดทางภาษี

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ว่า ปี 2567 กรมมีเป้าหมายตรวจสอบนิติบุคคล 26,019 ราย ใน 4 ธุรกิจเป้าหมาย คือ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง 2.ภัตตาคารและร้านอาหาร 3. ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรมรีสอร์ต และ 4.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์และขนส่ง เน้นใน 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ

ล่าสุด ได้คัดกรองกลุ่มเป้าหมายเพื่อตรวจสอบเชิงลึกพบนิติบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่จะกระทำความผิดตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่าง พ.ร.บ. รวม 498 ราย ในส่วนนี้กรมฯได้ดำเนินการจนยุติเรื่องแล้ว 371 ราย โดยทำการแจ้งข้อกล่าวหา ตามความผิดภายใต้พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 จำนวน 64 ราย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งของสารวัตรบัญชี ไม่ยอมเข้ามาชี้แจงและจัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลทางบัญชีที่กรมร้องขอ อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารรายได้ ใบหุ้น ใบเสร็จในการซื้อขาย ความเชื่อมโยงทางบัญชีในธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้สั่งปรับแล้วรายละ 2 พัน รวมทั้งส่งเรื่องต่อให้กรมสรรพากรทำการตรวจสอบด้านการเสียภาษี

สำหรับอีก 63 ราย ระหว่างขยายผลตามกฎหมาย ในจำนวนนี้ ในส่วนนี้ เบื้องต้นพบว่ามี 4 ราย อยู่ในธุรกิจนำเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และร้านอาหาร อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี หากกระทำผิดจะส่งต่อให้หน่วยที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

ADVERTISMENT

นางอรมน กล่าวว่า ขณะนี้ กรมได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้บริโภค กรณีสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมายที่เข้ามาแย่งทำธุรกิจในไทย ล่าสุด กรมกำลังปรับแผนเพิ่มประเภทธุรกิจที่ต้องตรวจสอบนอมินี โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น โกดังเช่าสินค้า โลจิสติกส์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจซูเปอร์มาเก็ต ธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งที่ผ่านมามีการหารือกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยเพื่อติดตามดูแลต่อไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมมีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบได้แค่บางส่วน เฉพาะอำนาจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และ พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 เช่น การประสานให้ธุรกิจจัดส่งเอกสารหลักฐานบางส่วน เชิญบุคคลเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือ เข้าไปตรวจในระหว่างเวลาทำการ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ก็จะต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อน ดังนั้นเพื่อให้สามารถเอาผิดกรณีนอมินีได้อย่างจริงจังจึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรุงเทพมหานคร กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น

ADVERTISMENT

แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าธุรกิจอีคอมเมิร์ช”เทมู”จากจีน ที่มีกระแสว่าจะเข้ามาจดตั้งธุรกิจในประเทศไทย นั้น เบื้องต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ประสานไปทางตัวแทนเทมูเพื่อเร่งรัดให้เข้ามาจดทะเบียนตามกฎหมายไทย และคาดหวังทางเทมูจะเข้ามาจดตั้งบริษัทภายในสิ้นปี 2567 เพื่อให้ถูกต้องทางกฎหมายไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image