ผู้จัดการตลท. รับสงครามอิสราเอล-อิหร่านเดือดกระทบตลาดทุนทั่วโลก แนะวิเคราะห์ให้รอบคอบ

ผู้จัดการตลท. รับสงครามอิสราเอล-อิหร่านเดือดกระทบตลาดทุนทั่วโลก แนะวิเคราะห์ให้รอบคอบ

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ที่เริ่มร้อนแรงขึ้น ต้องยอมรับว่าปัญหาในด้านภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อตลาดทุนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม โดยแนะนำให้นักลงทุนรับฟังข้อมูล วิเคราะห์ให้รอบคอบและทั่วถึง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกมีผลกระทบมากน้อยเท่าใด อย่างไรบ้าง โดยปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อตลาดทุน เป็นเรื่องความไม่แน่นอน เพราะนักลงทุนต่างชาติชอบความแน่นอน เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุน อย่างความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ถือเป็นความไม่แน่นอนที่มีผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และตลาดทุนไทยด้วย

นายอัสสเดช กล่าวว่า ในปัจจุบันตลาดทุนไทยถือว่ามีการฟื้นตัวดี สะท้อนจากการเติบโตของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 1-3 ปี 2567 ที่ออกมามีทิศทางที่ดี รัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนตลาดทุนไทย ทั้งกองทุนไทยอีเอสจี และกองทุนวายุภักษ์ 1 ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้ตลาดทุนไทยเดินหน้าไปทิศทางที่บวกมากขึ้น โดยเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เห็นกลับเข้ามาซื้อสุทธิในหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมถึงจะมีมาตรการควบคุมดูแลต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ส่วนในระยะถัดไปจะมาตรการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติมด้วย โดยจากนี้เราต้องมีการพัฒนานโยบายด้านโครงสร้าง เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาให้ได้อย่างเนื่อง ไม่ใช่เพียงการนำเงินเข้ามาลงทุนตามฤดูกาลเท่านั้น เพราะหากประเมินจากการจัดงานไทยแลนด์โฟสกัส ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังมีความสนใจในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างสูง มีการเจาะจงตามอุตสาหกรรม หรือบริษัทที่มีความโดดเด่นตามแผนการพัฒนาที่สร้างมูลค่าได้ในระยะยาวมากขึ้น โดยแผนทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องทำให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย พัฒนาตัวเองมากขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มและมองไปในอนาคตที่มีความน่าสนใจจากสายตานักลงทุนต่างชาติมากขึ้น

“รัฐบาลสนับสนุนตลาดทุนไทยมาตลอด สะท้อนผ่านการออกกองทุนวายุภักษ์ ที่จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ รวมถึงที่ผ่านมาก็มีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในภาพรวมอยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องแผนดำเนินงานต่างๆ อาจต้องรอหารือกันอีกครั้ง เพราะบางเรื่องบางมาตรการอาจต้องมีการร่วมมือจากหลายหน่วยงาน หลายองค์กร” นายอัสสเดช กล่าว

ADVERTISMENT

นายอัสสเดช กล่าวว่า มีความมั่นใจค่อนข้างสูงในการทำหน้าที่หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง เพราะมีโอกาสได้เรียนรู้งานก่อนเข้ารับตำแหน่งจริงกับทีมผู้บริหารและคณะทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจดีในการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยมีความตั้งใจในการพัฒนาตลาดทุนผ่าน 5 แนวคิด ได้แก่ สมดุลเท่าเทียม เข้าถึงทั่วถึง ตอบโจทย์อนาคตแข่งขันได้ รับโอกาสและความท้าทายจากกระแสความยั่งยืน เสริมความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อส่วนรวมและความเท่าเทียม ส่งเสริมคุณภาพบริษัทจดทะเบียน สร้างความเชื่อมั่น ขับเคลื่อนความยั่งยืน พร้อมดูแลผู้ลงทุนต่อไป

นายอัสสเดช กล่าวว่า ส่วนในกรณีหุ้นสตาร์ค รับรองว่าไม่มีผลกระทบต่อการตรวจสอบเอาผิดตามกฎหมายของหุ้นสตาร์คแน่นอน เพราะจากการทำงานในบริษัทดีลอยท์ ประเทศไทย (Deloitte Thailand) ที่ผ่านมา เป็นการทำงานในด้านหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเงินของดีลอยน์ ไม่ได้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับสตาร์ค ซึ่งส่วนตัวก็ไม่มีใบอนุญาตในการรับรองบัญชีให้กับบริษัทใดๆ ได้ด้วย จึงมั่นใจได้ว่าการตรวจสอบหุ้นสตาร์คมีความเป็นกลางแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์

ADVERTISMENT

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image