‘พิชัย’ ถกผู้ว่าธปท. หารือแก้หนี้ครัวเรือน เผยล่าสุดช่วยไปแล้ว 7-8 แสนบัญชี โยนเรื่องลดดบ.เป็นหน้าที่กนง. ยันค่าบาทยังคุมได้อยู่ คาดไม่กระทบส่งออก เล็งนัดอีกรอบปลายเดือนนี้
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ได้มีโอกาสหารือถึงการแก้ไขหนี้ครัวเรือน ซึ่งสถาบันการเงินของรัฐ ดำเนินการไปแล้ว โดยหนี้ครัวเรือนอยู่ในส่วนของนอนแบงก์ และสถาบันการเงิน สำหรับวิธีการ จะดูบุคคลที่มีโอกาสจะไปได้ มีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ จะมีการปรับโครงสร้างหนี้กลุ่มดังกล่าวให้ จะร่วมมือกันระหว่างสถาบันการเงิน และภาครัฐโดยกระทรวงการคลัง
“ปกติเราจะไม่ลดหนี้ให้โดยไม่มีเหตุผล เพราะเป็นเรื่องของ moral hazard อย่างไรก็ตาม โครงสร้างที่จะทำเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ให้หนี้ครัวเรือนผ่อนปรนได้ ส่วนรายละเอียดจะต้องลงลึกอีกนิดหนึ่ง เราได้หารือสถาบันการเงินไว้หลายแห่งแล้ว ผลกระทบยังไม่มากนัก” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ขณะที่กลุ่มต่อมา คือ กลุ่มเปราะบาง มีจำนวนเยอะมาก หลายแสนบัญชี แต่เม็ดเงินที่ค้างชำระหนี้วงเงินน้อย โดยกลุ่มดังกล่าวนี้อยู่ในเครดิตบูโรด้วย เราก็จะหาวิธีดูว่าจะช่วยเหลือกลุ่มนี้อย่างไร โดยส่วนของแบงก์รัฐได้ดำเนินการดูแลไปแล้วหลายแสนบัญชี ซึ่งเหลืออีกประมาณ 7-8 แสนบัญชี
“เราขอเวลานิดหนึง เพราะมีรายละเอียดเยอะ ถ้าทำก็อยากให้เป็นความร่วมมือสถาบันการเงิน และกระทรวงการคลัง เพราะ ธปท.ก็เข้ามาช่วยแล้ว ทั้งนี้ แนวทางดำเนินการดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการยืดเวลาการชำระหนี้ ดูเรื่องการลดดอกเบี้ย ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการลดดอกเบี้ย ส่วนตัวยังยืนอยู่บนหลักการ ว่าการลดดอกเบี้ยเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งทุกคนก็พบทราบว่าจะมีการประชุมในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งใกล้จะถึงแล้ว และคงจะรับทราบผลการประชุมพร้อมกัน
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนในครั้งนี้ วันที่ 3 ตุลาคม ที่ได้พูดคุยกับ ผู้ว่าการ ธปท. เป็นการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนกัน ขณะนี้ก็มีสถานการณ์เยอะ ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และสหภาพยุโรป รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นประเทศ 3 กลุ่มใหญ่ ที่มีผลกระทบต่อเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาโดยเฉพาะของประเทศไทย
“ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้นำไปสู่เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงิน ซึ่งไม่มีใครสามารถเดาได้หรอกว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้ก็อ่อนค่าลงมาหน่อยแล้ว จากที่ติดตามดู สถานการณ์ค่าเงินบาทหลายวันมานี่ยังพอที่จะสามารถมอนิเตอร์ได้อยู่ และต้องปล่อยให้ กนง.ดู เชื่อคิดว่าที่ประชุม กนง.คงจะหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในที่ประชุมอยู่แล้ว” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากจะขอทำความเข้าใจว่า การที่ลดดอกเบี้ยลงนั้น จะเป็นผลดีแต่การกู้เงินใหม่ แต่เฉพาะกลุ่มที่ยังมีความสามารถที่จะกู้ได้เท่านั้น ส่วนกลุ่มที่ไม่มีความสามารถจะกู้เงินแล้ว ก็คงไม่ได้กู้เพิ่ม และผลดีอีกเรื่องคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ลดลงเล็กน้อย
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนเรื่องของค่าเงิน ที่มีผลต่อการส่งออก ก็ต้องมาดู วิเคราะห์ว่ายอดส่งออก ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรเมื่อทุกฝ่ายต่างลดดอกเบี้ย แต่คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบ ในเชิงปริมาณของการส่งออก ส่วนตัวคิดว่าการส่งออกก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นด้วย ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567
นายพิชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ดี การแก้เรื่องของค่าเงินนั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ด้วยการแก้ตรงๆ ต้องมีมาตรการไหน ต้องดูว่าจะใช้เครื่องมือตัวไหน ก็ต้องลองไปตัดสินใจ และคณะกรรมการก็ต้องดูให้ละเอียด
“สำหรับการกันคุยกันวันนี้ก็เข้าอกเข้าใจกันดี จริงๆ ผมกับผู้ว่าการ ธปท.เราเข้าใจกันมานานแล้ว เพราะว่าเราก็มองงานเดียวกัน ส่วนการที่คิดว่าจะแก้ไขทันทีนั้น ก็คงต้องดูผลกระทบอย่างอื่นด้วย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพราะการลดดอกเบี้ยเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ นั้นไม่ช่วยหรอก” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวอีกว่า สำหรับการหารือกับ ธปท.ถือว่ายังไม่จบ จะมีการนัดคุยกันอีกเรื่อยๆ ตั้งใจจะนัดกันภายในเดือนตุลาคมนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยจะคุยกันแบบละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการแก้ไขหนี้ครัวเรือน เพราะครั้งนี้ก็คุยกันแค่หลักการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากงานเปิดตัวโครงการ “Your Data” ข้อมูลของคุณ สู่บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ ที่จัดโดย ธปท. โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานนั้น นายพิชัย และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. พร้อมด้วยผู้บริหารจาก ธปท. ได้ร่วมประชุมกันต่อในห้องรับรองที่ ธปท. โดยใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนที่นายพิชัยจะออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้านนายเศรษฐพุฒินั้น ไม่ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า เนื่องจากอยู่ในช่วงไซเรน พีเรียด (silent period) ก่อนเข้าร่วมการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 16 ตุลาคมนี้