16 ตุลาฯ พณ.คิกออฟ ลดกระหน่ำสินค้า-บริการ ช่วยค่าครองชีพ ปชช.ข้ามปี เอกชนขอ รบ. ปัดฝุ่นอีซี่ อี-รีซีท ขณะที่สตรีทฟู้ดจี้เร่งระตุ้น ศก. ก๊อกสอง
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจกระทรวงพาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ซื้อขายในช่วงเทศกาลกินเจ เริ่มตั้งแต่ 3 ตุลาคม ถึง 11 ตุลาคม ถือว่ามีความคึกคักเป็นพิเศษ และส่วนหนึ่งมาจากประชาชนกลุ่มเปราะบางได้รับเงิน 10,000 บาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น โดยนโยบายรัฐบาลจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเปิดโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน จัดลดราคาสินค้า ค่าบริการ ค่าใช้จ่ายภาคธุรกิจ และกิจกรรมต่างๆ ทั้งลดค่าครองชีพประชาชน ลดต้นทุน และขยายโอกาส ในโครงการจะจัดต่อเนื่องข้ามปี ตั้งแต่ตุลาคม 2567 ถึง มกราคม 2568
นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมยอดขายสินค้าของเพาเวอร์มอลล์ทุกสาขาในขณะนี้ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังคงเติบโตค่อนข้างดี แต่ไม่ได้เติบโตจากการที่รัฐบาลออกมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ซึ่งเป็นการเติบโตจากการทำแคมเปญ แต่ไม่ได้เติบโตหวือหวามากนัก อย่างไรก็ตาม คาดหวังไตรมาส 4 หรือ 3 เดือนที่เหลือของปี 2567 บรรยากาศจะคึกคักมากขึ้นมากกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับภาครัฐมองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ซึ่งเพาเวอร์มอลล์มีการจัดแคมเปญอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าถึงสิ้นปี 2567 นี้ จะสามารถปิดยอดขายเติบโตกว่า 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นายรัชตะกล่าวว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้เพิ่มมากขึ้น อยากให้รัฐบาลมีการออกมาตรกรกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะสั้นนี้ โดยอยากให้ฟื้นโครงการอีซี่ อี-รีซีท (Easy e-Receipt หรือโครงการลดหย่อนภาษี) ขึ้นมากอีกครั้ง หลังจากผลตอบรับค่อนข้างดี หลังรัฐบาลได้เดินหน้าโครงการเมื่อวันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 ที่เมื่อซื้อสินค้าและบริการแล้ว สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ทำให้ยอดขายของเพาเวอร์มอลล์เติบโตขึ้นมาก ในช่วงไตรมาส 1/2567 โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตประมาณ 40-50% หากรัฐบาลมีการพิจารณาออกมาภายในสิ้นปีนี้หรือช่วงต้นปี 2568 จะเป็นการดี เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น
น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยว่า การแจกเงิน 10,000 บาท ของรัฐบาลให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ยังไม่ส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศการจับจ่ายในร้านอาหาร เนื่องจากผู้ได้รับเงินกลุ่มนี้ ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นก่อน และบางส่วนซื้อของสดจากตลาดไปทำทานเองที่บ้านมากกว่านั่งทานภายในร้าน ดังนั้น ร้านอาหารและสตรีทฟู้ดไม่ได้อานิสงส์มากนัก หากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลระยะถัดไป ขอให้เป็นการแจกเงินสดเหมือนเดิม แต่ขอให้แจกแบบกระจายมากขึ้น โดยไม่จำกัดแหล่งซื้อและใช้จ่ายแบบฟรีสไตล์ สามารถซื้ออะไรก็ได้ เชื่อว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นและทำให้เม็ดเงินมีการกระจายตัวลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้นกว่าเฟสแรก หากแจกคนละ 5,000 บาท หรือทำเหมือนโครงการคนละครึ่ง ที่รัฐให้การสนับสนุนเงินครึ่งหนึ่ง ประชาชนควักเงินตนเองออกมาใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง ถือว่ายิ่งดีและตรงจุดต่อการกระตุ้นใช้จ่ายทั่วประเทศ
“อยากให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นในทันที ยิ่งเร็วยิ่งดี ตอนนี้ธุรกิจร้านอาหาร เจอผลกระทบถึง 4 เด้ง ตั้งแต่กำลังซื้อลดลงแล้ว 30-40% อยู่ในช่วงหน้าฝนชุก น้ำท่วมยืดเยื้อ การก่อสร้างบนถนนสายต่างๆ ใช้ระยะเวลานานมาก ทำให้การเข้าออกหน้าร้านค้าไม่สะดวก ลูกค้าหายหมด ซึ่ง 3 ปัจจัยหลัง ทั้งฤดูฝน น้ำท่วม การก่อสร้าง ทำให้กำลังซื้อลดลงจากเดิมอีก 10% และทำให้ในช่วง 2 เดือนนี้ มีร้านอาหารหยุดไปชั่วคราวแล้ว 5%”น.ส.ประภัสสรกล่าว