พีระพันธุ์ จ่อตรึงดีเซลไม่เกิน 33 บาทยาวถึงสิ้นปีนี้ แม้มีภาวะสงครามในตะวันออกกลาง
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นปี 2567 หลังจากมาตรการล่าสุดจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้คงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 แม้ว่าจะมีภาวะสงครามในตะวันออกกลาง แต่จะพยายามดูแลราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบัน ประกอบด้วย ซุปเปอร์พาวเวอร์ดีเซล ลิตรละ 44.94 บาท (โออาร์) ดีเซล ลิตรละ 32.94 บาท (โออาร์) ไฮพรีเมี่ยมดีเซลS ลิตรละ 47.14 บาท (บางจาก) ไฮดีเซล S ลิตรละ 32.94 บาท (บางจาก)
รายงานข่าวแจ้ง ว่า ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2567 มีกองทุนติดลบ 95,333 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 47,885 ล้านบาท และเป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 47,448 ล้านบาท โดยมีการส่งเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันละ 148 ล้านบาท ดีเซลนำส่งเงินเข้ากองทุนวันละ 142 ล้านบาท ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี ) หรือก๊าซหุงต้มวันละ 2.35 ล้านบาท ทำให้สุทธิกองทุนมีเงินไหลเข้าวันละประมาณ 293 ล้านบาท ส่งผลให้สถานะกองทุนติดลบน้อยลง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 กองทุนต้องเริ่มชำระคืนเงินต้นงวดแรก 100 กว่าล้านบาท จากยอดเงินกู้ก้อนแรก 5,000 ล้านบาทเพื่ออุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก่อนหน้านี้ ที่มีกำหนดชำระคืนแล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ รวมกับดอกเบี้ยที่ต้องชำระเดือนละประมาณ 250 ล้านบาท รวมกองทุนต้องหาเงินชำระ ต้องมีเงินในการบริหารจัดการการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมประมาณ 400-500 ล้านบาท ส่วนการชำระคืนเงินกู้ที่เหลือจากเงินกู้ทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท จะแบ่งชำระคืนตามสัญญาที่กำหนดไว้