ธปท. รับศก.ชะลอตัวลง ลุ้นไตรมาส 3/67 โตแตะ 3% ยันเลือกบอร์ดประธานแบงก์ชาติ 4 พ.ย.นี้ หลังอดีตผู้ว่าฯธปท.และ 223 นักวิชาการออกแถลงการณ์ห่วงถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมือง
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยประจำเดือนกันยายน 2567 พบว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีปัจจัยชั่วคราวทำให้เครื่องชี้วัดหลายตัวเร่งขึ้นไป จึงมีการชะลอตัวลงบ้าง แต่ภาพรวมไตรมาสที่ 3/2567 ถือว่าปรับตัวดีขึ้น เทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สะท้อนจากหลายเครื่องชี้วัดดีขึ้น อาทิ การส่งออกสินค้า และการใช้จ่ายภาครัฐที่กลับมาได้ค่อนข้างดี โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 3 น่าจะเติบโตใกล้เคียงที่ระดับ 3% ส่วนจะถึง 3% หรือไม่ถึงนั้นยังต้องติดตามอีกครั้ง แต่ปกติแล้วการนับว่าถึง 3% หรือ 4% ก็ไม่ได้เท่ากับระดับดังกล่าวเป๊ะๆ อยู่แล้ว
นางสาวชญาวดี กล่าวว่า ประเมินผลการแจกเงิน 10,000 บาทให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ต่อภาพรวมเศรษฐกิจในเดือนกันยายน พบว่าการโอนเงินหมื่นเป็นการโอนเงินให้ช่วงปลายเดือนกันยายนแล้ว ทำให้เห็นผลต่อเศรษฐกิจในด้านการใช้จ่ายบ้าง แต่ยังไม่ได้เยอะมากนัก อาทิ การใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในบ้านเพิ่มขึ้นบ้าง จึงคาดว่าจะมีการใช้จ่ายในเดือนตุลาคมนี้ มากขึ้นแทน ซึ่งต้องดูเครื่องวัดในช่วงถัดไปอีกครั้ง ในส่วนผลกระทบจากน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจ มองว่าอาจไม่ได้เยอะมากนัก แต่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ต้องยอมรับว่าหนักมากจริง ซึ่งจะมีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมอีกครั้ง
นางสาวชญาวดี กล่าวว่า สำหรับการการประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานแบงก์ชาติ มีกำหนดการประชุมในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ส่วนรายละเอียดของขั้นตอนและความพร้อมในการพิจารณาเป็นเรื่องของกรรมการสรรหาที่จะประชุมต่อไป ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการ รวมทั้งอดีตผู้ว่าการธปท. หลายรายพร้อมกลุ่ม 223 นักวิชาการ เศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการเรียกร้องให้คณะกรรมการคัดเลือก ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล พร้อมความกังวลการถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมือง ถือเป็นการส่งผ่านความห่วงใยและความกังวล แต่ผลจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของกรรมการสรรหาต่อไป โดยการแทรกแซงในแบงก์ชาติ รวมถึงการเข้ามาใช้อำนาจในการใช้ทุนสำรองเพิ่มเติมนั้น คงต้องดูว่าผลการคัดเลือกจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ยังไม่เห็น แต่ในแง่กฎหมายส่วนของโครงสร้าง มีกฎเกณฑ์ที่ระบุความสมดุลไว้อยู่แล้ว คงต้องแล้วแต่ระยะข้างหน้าว่าผลของการคัดเลือกจะเป็นอย่างไรต่อไป
นางสาวชญาวดี กล่าวว่า มองไปข้างหน้าทิศทางยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ โดยมีแรงส่งมาจากภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ เดือนกันยายน 2567 ปรับลดลงจากเดือนก่อน 3.2% มีจำนวนอยู่ที่ 2.8 ล้านคน แต่เป็นการปรับลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เร่งไปก่อนหน้า และคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ปรับลดลงบ้าง เพราะวันหยุดหยาวหมดแล้ว ส่วนประเทศที่เพิ่มขึ้น มีมาเลเซีย เกาหลีใต้ และลาว นักท่องเที่ยวระยะไกลเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด ตามการทยอยเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) แล้ว ส่วนการส่งออกยังคงกดดันอยู่ เดือนกันยายน ส่งออกปรับลดลง 3.3% หลังจากการเร่งตัวไปก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มยายนต์จากการส่งออกไปในตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ส่วนเกษตรและเกษตรแปรรูปที่เร่งก่อนหน้าจากอุปทานของคู่ค้า ส่วนสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องประดับ อัญมณี ที่ปรับเพิ่มตามการจัดแสดงสินค้า หากดูการส่งออกในไตรมาสที่ 3 ปรับเพิ่มขึ้น 6.1% ซึ่งเป็นผลจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
นางสาวชญาวดี กล่าวว่า หากประเมินในส่วนการบริโภคเอกชนในเดือนกันยายน 2567 ปรับลดลง 0.6% จากทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าคงทนตามยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ และการชะลอการตัดสินใจของผู้ซื้อเพื่อรอดูราคา ขณะที่การบริโภคเอกชนในไตรมาสที่ 3 ลดลง 0.4% สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงจากความกังวลเรื่องของน้ำท่วมและค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง ด้านการลงทุนภาคเอกชนทรงตัวอยู่ที่ 0.1% จากเดือนก่อนหน้า หลักๆ มาจากการนำเข้าสินค้าทุน อาทิ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องจักรและอุปกรณ์ ด้านการลงทุนก่อสร้างปรับลดลงตามพื้นที่อยู่อาศัยที่ลดลง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนไตรมาสที่ 3 ปรับเพิ่มขึ้น 3.3% มาจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนปรับเพิ่มขึ้น