พรุ่งนี้ ‘พิชัย’ ขุนคลัง ถกแบงก์ แก้หนี้เสียบ้าน รถ จ่อพักดอก ยืดเวลาผ่อน

พรุ่งนี้ ‘พิชัย’ ขุนคลัง ถกแบงก์ แก้หนี้เสียบ้าน รถ จ่อพักดอก ยืดเวลาผ่อน

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิด “งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46” โดยนายพิชัยกล่าวว่า การจัดงานมหากรรมครั้งนี้จะทำให้คนไทยมีโอกาสมีบ้านของตนเอง มีทางเลือกหลายรูปแบบมากขึ้น เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เป็นห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมได้มาก ตลอดจนการจ้างงาน จึงทำให้ภาคอสังหาริมทรัยพ์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีได้สูงถึง 5-6% มีมูลค่ารวมในอุตสาหกรรมสูงกว่า 1.1 ล้านล้านบาทในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อธุรกิจเกิดความผันผวนจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทุกครั้ง

ทั้งนี้ ปัจจุบันแนวโน้มของเศรษฐกิจยังเติบโตต่อเนื่องและภาครัฐใช้ความพยายามทุกอย่างขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญ เอื้อให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตขึ้น เช่น อินฟราสตรักเจอร์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น และเชื่อว่าในปี 2568 ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเข้าไปใกล้ปกติที่ 3.5% จากปีนี้คาดเติบโต 2.7%

Advertisement

คลายเกณฑ์เข้าถึงสินเชื่อ

นายพิชัยกล่าวว่า การซื้อที่อยู่อาศัยและการพัฒนาโครงการ เรื่องแหล่งเงินมีความสำคัญและเอื้อต่อการอยู่อาศัยในระยะยาว โดยให้ธนาคารรัฐโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการ 2 เรื่อง คือคนซื้อบ้านเก่าที่มีปัญหาการผ่อนชำระใกล้เป็นหนี้เสีย (NPL) มีการให้เงื่อนไขพิเศษ ในปีแรกจ่ายดอกเบี้ยต่ำ หรือถ้ามีความจำเป็นไม่ต้องจ่าย 1 ปีก็ได้ เงินต้นสามารถผ่อนขั้นต่ำได้ รวมถึงให้ผ่อนยาวถึงอายุ 80 ปี สำหรับคนทั่วไปและอายุ 85 ปีสำหรับราชการ แม้ว่าการยืดระยะการผ่อนยาวขึ้น วงเงินกู้ไม่ลดลง แต่ลดภาระหนี้ โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและมีคนใช้บริการมาก

5 พ.ย.ชง ครม.อัดสินเชื่อ 5.5 หมื่นล้าน

นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับคนกู้ซื้อบ้านใหม่ ธอส.มีออกมาหลายโครงการ ทั้งโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ที่ได้ปล่อยสินเชื่อเต็มกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อ Happy Life ที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 18,000 ล้านบาท ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี จองหมดในเวลารวดเร็ว ล่าสุดยังเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ผ่านสินเชื่อ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้างบ้านและคอนโด ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการมีบ้านของประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ มีโอกาสในการซ่อมแซม ต่อเติมบ้านได้ นอกจากนี้ ยังร่วมกับกระทรวงแรงงานที่มีสมาชิกอยู่กว่า 40 ล้านคน ต้องการที่อยู่อาศัย จะให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3 ปี ถ้าได้รับการตอบรับดีจะเพิ่มให้อีก 4-5 หมื่นล้านบาท

Advertisement

“เมื่อธนาคารรัฐเดินหน้าแบบนี้แล้ว เชื่อว่าจะเป็นรูปแบบและตัวอย่างที่ดีให้ธนาคารพาณิชย์เห็นสภาพเดียวกับเรา เริ่มปล่อยสภาพคล่อง และสินเชื่อเข้าสู่ระบบมากขึ้น ซึ่งภาครัฐพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เพื่อให้อุตสาหกรรมภาคอสังหาฯ ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไปได้ ทั้งนี้ ยังมีโครงการใหญ่ๆ อีกโครงการแต่ยังไม่สามารถบอกได้ เพื่อจะเปลี่ยนลักษณะของอุตสาหกรรมอสังหาฯไทยให้ก้าวกระโดดไปอีกขั้นเหมือนประเทศที่ทำสำเร็จมาแล้ว” นายพิชัยกล่าว

จ่อยืดค่าโอน-จำนอง 0.01%

นายพิชัยกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าผลจากการดำเนินมาตรการรัฐบาลและการออกแรงของเอกชนทำให้ตลาดค่อยๆ กลับมาสู่สภาพปกติ ถือว่าของขวัญระยะยาวให้กับตลาดอสังหาฯ ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน สำหรับการต่ออายุมาตรการ เช่น ลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ที่จะสิ้นสุด 31 ธันวาคมนี้ ที่ภาคเอกชนขอให้ขยายเวลา ขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณา หากเป็นประโยชน์

1 พ.ย.ถกแบงก์เอกชนแก้หนี้บ้าน-รถ

นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อได้ยากนั้น หลังที่ผ่านมาธนาคารรัฐได้ทำทุกวิถีทางและมาตรการต่างๆ แล้ว ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะหารือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีการผ่อนคลายเกณฑ์ เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อและเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาฯที่ถูกปฎิเสธสินเชื่อค่อนข้างมาก โดยมองว่าสภาพทุกอย่างในขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว

นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนการผ่อนคลาย LTV ต้องดูว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งตอนนี้เห็นแล้วว่าประเทศไทยต้องการการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป็นเงื่อนไขของการฟื้นประเทศ ต้องทำให้มีการลงทุน โดยผู้ประกอบการต้องเข้าถึงสินเชื่อได้

โดยการผ่อนคลายมาตรการจะเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องสะสางหนี้เก่าให้ลดลงจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจก่อน โดยส่วนนี้กระทรวงการคลังพร้อมดูให้ แม้หนี้อาจจะลดลงไม่มาก แต่ต้องลงในระดับที่พอใจ เพื่อให้ภาระลดลง มีหลายแนวทางทั้งลดภาระดอกเบี้ย เช่น พักชำระดอกเบี้ย 2-3 ปี หรือตัดหนี้ทิ้งให้อย่างมีเงื่อนไข ส่วนเงินต้นจะยืดระยะเวลานานขึ้น เป็นการแก้ปัญหา ทั้งหนี้ภาคอสังหาฯและหนี้รถ โดยจะหารือกับธนาคารพาณิชย์วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า แนวคิดการแก้หนี้เสียในกลุ่มบ้านและรถยนต์นั้น ตามแนวคิดของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่จะไปหารือกับสมาคมธนาคารไทยวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะเริ่มจากกลุ่มหนี้เสียไม่เกิน 1 ปีก่อน โดยจะดึงกลุ่มนี้เข้าระบบการปรับโครงสร้างหนี้ แนวคิดคือจะพักดอกเบี้ยให้ เพื่อลดภาระการผ่อน แต่หนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม โดยรัฐบาลอาจจะเข้ามารับภาระดอกเบี้ยแทน โดยประเมินคร่าวๆ ว่าจะใช้เงินหลัก 1,000 ล้านบาท เพราะซับซิไดซ์เฉพาะดอกเบี้ยอย่างเดียว ส่วนเงินต้นยังคงอยู่ และยังจ่ายต่อ จากนั้นจะยืดหนี้ให้ยาวขึ้น เป็น 80 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image