ฝันเป็นจริง!”สมคิด”ปลื้มแอร์บัสเอ็มโอยูบินไทยตั้งศูนย์ซ่อมที่อู่ตะเภา-บ่งบอกความเชื่อมั่นนักลงทุน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในระหว่างการเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท แอร์บัส เครื่องบินพาณิชย์ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้โครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ณ สำนักงานใหญ่การบินไทยว่า การพัฒนาให้เกิดศูนย์ซ่อมบำรุง ถือเป็นหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการสร้างรายได้เข้ามาภายในประเทศจำนวนมหาศาล ซึ่งหลายคนเคยมองว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่เพ้อฝัน แต่วันนี้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าได้แล้ว ซึ่งการที่แอร์บัสได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการนี้ นับเป็นนิมิตหมายอันดีมาก เนื่องจากเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่เห็นศักยภาพประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาคนี้ โดยก่อนที่จะมายังการบินไทย ตนได้พาประธานแอร์บัส เดินทางไปพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยประธานแอร์บัส ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีว่า เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค โดยเครื่องบินกว่า 40% ของยอดขายทั้งหมด มาจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งหมายความว่า ธุรกิจการบินส่วนใหญ่ก็อยู่ทวีปเอเชีย การที่แอร์บัสเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง จึงมีความหมายอย่างมาก

นายสมคิด กล่าวว่า หลังจากลงนามในวันนี้ การบินไทย และแอร์บัสจะต้องเร่งศึกษาให้แล้วเสร็จให้เร็วที่สุดภายในปีนี้ จากนั้นจะเข้ากระบวนการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) จากนั้นเมื่อโครงการเกิดขึ้นจะก่อให้เกิดธุรกิจตามมาอีกมากมายตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตธุรกิจการซ่อมบำรุง ขณะนี้สิ่งที่เราเคยคิดฝันไว้เริ่มทยอยออกมาให้เห็นแล้ว เชื่อว่าอีก 1-2 ปีนี้จะเริ่มปรากฎให้เห็นชัดขึ้นอีกโดยเฉพาะการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งพบก็ได้มีโอกาสไปร่วมประชุมกับผู้นำต่างประเทศที่อินโดนีเซีย ก็ได้รับคำชื่นชนจากประเทศต่างๆว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มาถูกทางแล้ว ตนจึงเชื่อว่า ถ้าเรารักษาเสถียรภาพแบบนี้ไว้ รักกันมากๆ ไม่ทะเลาะกันเอง ภายใน 3-4 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยไปไกลแน่นอน

นายอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย กล่าวว่า การบรรลุของตกลงกับแอร์บัสครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) 2560 – 2564 เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดของเอเชียแปซิฟิก เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้บริการแก่สายการบินทั่วภูมิภาคและทั่วโลก คาดหลังศึกษาเสร็จภายในปีนี้ จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการพีพีพีได้ภายในเดือนมกราคม 2561 ซึ่งแม้ว่าขณะนี้จะไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนเท่าใด แต่การบินไทยมีความพร้อมที่จะลงทุนอย่างแน่นอน

นายฟาบริซ เบรจิเย่ร์ ประธานบริษัท แอร์บัส กล่าวว่า เนื่องจากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจการบิน และที่ตั้งของสนามบินอู่ตะเภาที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคนี้ จึงทำให้แอร์บัส เลือกลงทุนในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานการซ่อมบำรุงในภูมิภาคนี้ ซึ่งโครงการนี้จะช่วยตอบสนองความต้องการสำหรับการให้บริการในการบำรุงรักษาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนฝูงบินในภูมิภาคที่จะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าหรือจากปัจจุบันที่มีจำนวน 6,000 ลำ เป็น 15,000 ลำในอีก 20 ปีข้างหน้า รวมทั้งในอีก 10 ปีข้างหน้า แอร์บัสยังประเมินว่ามูลค่าการซ่อมบำรุงเครื่องบินในภูมิภาคนี้จะสูงถึง 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงทำให้โครงการนี้เป็นโครงการแห่งโอกาสสำหรับประเทศไทยในการพัฒนาขอบเขตการบริการภาคธุรกิจการบิน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image